อะไรคือความสำคัญของปริมาณหรือคุณภาพ ที่มีผลต่อการเขียนบล็อกโพสต์
การเขียนบล็อก สร้างบล็อกนั้นได้รับความนิยมจนคล้าย ๆ กับว่าเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมออนไลน์สมัยใหม่ การมีโซเชียลมีเดียอาจเปรียบได้กับการมีรถยนต์ ส่วนการมีบล็อกหมายถึงบ้านทั้งหลัง
การเขียนบล็อก สร้าง ตกแต่ง ก็เพื่อต้อนรับผู้ที่จะมาเยี่ยมเยียนด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่น่าสบาย บทความก็หมายถึงการพูดคุยด้วยรอยยิ้มและมิตรไมตรี
และนั่นก็เป็นประเด็นที่ผมจะมาคุยกับทุกท่านในวันนี้ว่าจะเขียนบล็อกโพสต์ออกมาอย่างไรให้เหมาะสมพอดีทั้งคุณภาพที่ดีและปริมาณพอเหมาะ ไม่ใช่อย่าง “น้ำท่วมทุ่ง ผักบุ้งโหรงเหรง” อย่างคำโบราณท่านว่าครับ
ชื่อเรื่อง (title)
ไตเติ้ลคือชื่อของเรื่อง เป็นสิ่งที่หลายคนมักมองข้ามเนื่องจากไปเน้นที่เนื้อหาหลักมากกว่า แต่ต้องอย่าลืมนะครับว่าการแสดงผลของ SERPs บนกูเกิลนั้นเป็นแบบย่อ (snippet) ซึ่งไตเติ้ลที่มีเนื้อหาดึงดูดก็จะถูกคลิกมากกว่า
และสิ่งที่ลืมไม่ได้ก็คือความยาวของไตเติ้ลที่ไม่ควรเกิน 60-62 ตัวอักษรหากยาวกว่านั้น กูเกิลก็จะตัดส่วนที่เกินออกซึ่งอาจทำให้ไตเติ้ลของท่านเสียรูปประโยคได้ครับ
บทนำ (intro)
จะอยู่ถัดจากชื่อเรื่อง เป็นย่อหน้าแรกของเนื้อหา บทนำมีหน้าที่สร้างความสนใจใคร่รู้ต่อผู้อ่าน ให้อยากเข้ามาอ่านในส่วนรายละเอียด
..ย้ำนะครับว่าบทนำมีหน้าที่เหมือนคนโบกธงหน้าปั๊ม สร้างจุดสนใจกระตุ้นให้คนอยากเข้ามารู้รายละเอียดมากขึ้น
หน้าที่ของบทนำคือขยายความสนใจต่อจากชื่อเรื่องเพื่อเป็นสะพานให้ผู้อ่านข้ามไปสู่รายละเอียดอย่างกระตือรือร้น
ใช้ซับเฮดดิ้ง (sub-headings)
ทำไมการใช้ sub-headings ถึงมีความสำคัญก็เพราะว่าการอ่านหน้าจอดิจิตอลเป็นการอ่านแบบสำรวจ ต่างจากการอ่านจากสื่ออื่นๆเช่น หนังสือพิมพ์, หนังสือ ซึ่งเป็นการอ่านแบบเอารายละเอียด

ดังนั้นการใช้ sub-headings (h2-h6) จะช่วยให้การอ่านจากสื่อดิจิทัลสะดวกขึ้น อีกประการหนึ่ง subheading เป็นส่วนขยาย topic หรือ h1 ของเรื่องที่กูเกิลให้ความสำคัญ
ใช้ bullet
bullet มีลักษณะการใช้งานเหมือนลิสต์ของรายการ ที่มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าส่วนอื่น ๆ
ลองนึกภาพดูหากรายการที่ท่านจดไว้ก่อนจะออกไปตลาด เนื้อหมู, เนื้อไก่, กุ้ง, ผักคะน้า, ถั่วฝักยาว, ต้นหอม, ผักชี, กระเทียม, น้ำมันพืช
เทียบกับแบบนี้…..
- เนื้อหมู
- เนื่อไก่
- กุ้ง
- ผักคะน้า
- ถั่วฝักยาว
- ต้นหอม
- ผักชี
- กระเทียม
- น้ำมันพืช
แบบไหนจะอ่านง่ายกว่ากันครับ
แน่นอนแบบที่สองที่มีบุลเล็ตย่อมอ่านง่ายกว่า
ข้อดีของบุลเล็ตที่ชัดเจนก็คือช่วยย่อยข้อมูลที่มีปริมาณมากให้อยู่ในรูปแบบของรายการที่สามารถเข้าใจได้ง่าย การที่บุลเล็ตมีการแยกแต่ละย่อหน้าจึงสะดวกที่จะนำไปใช้ในส่วนต่างๆเช่น:
- เอาวางไว้ถัดจาก intro เพื่อแสดงหัวข้อในเนื้อหาที่จะกล่าวถึงทั้งหมด
- ใช้ในส่วนกลางโพสต์เพื่อการแตกประเด็นย่อยสำหรับเนื้อหาขนาดยาว
- เพื่อนำเสนอแนวคิดหรือไอเดียหลากหลาย
- ใส่ไว้ในท้ายเรื่องเพื่อสรุปประเด็นหรือกระตุ้นให้เกิดการต่อยอดความคิด
ใส่ keyword
สิ่งสำคัญสำหรับการเขียนบทความสำหรับบล็อกหรือบล็อกโพสต์นั้น สิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งก็คือ keyword หรือ keyphrase ที่หมายถึงคำหรือกลุ่มคำเป้าหมายสำหรับสอดแทรกเพื่อสามารถทำอันดับที่ดีบนกูเกิล
แทรกคีย์เวิร์ดในชื่อเรื่อง ในอินโทร ใน subheading ในส่วนรายละเอียด ให้ครบถ้วน โดยเฉพาะในส่วนไตเติ้ลที่ห้ามพลาด
ที่จริงปลั๊กอิน SEO ดี ๆ ก็จะช่วยในเรื่องนี้ได้พอสมควร แต่ผมอยากติงซักนิดครับว่าบางครั้งการเขียนให้อ่านได้เข้าใจชัดเจนก็สำคัญมากกว่าที่จะไปเน้นคีย์เวิร์ดจนอ่านไม่รู้เรื่อง

ใช้ related keywords
อัลกอริทึมรุ่นปรับปรุงใหม่ของกูเกิล bert มีความฉลาดสามารถเข้าใจเจตนาของผู้ค้นหาได้ดีขึ้น การที่ท่านใช้คีย์เวิร์ดนั้นดีอยู่แล้ว แต่ควรผสมคำใกล้เคียงหรือคำที่เกี่ยวข้องเข้าไปในเนื้อหาเพิ่มมากขึ้น
เพื่อให้บทความดูเป็นธรรมชาติ และยังสามารถทำ ranking ได้จากหลากหลาย keyword จากเนื้อหาเดียวกัน
คำนึงถึงเจตนาของการค้นหา serch intent
การสร้าง content เพื่อหวังทำอันดับจากคีย์เวิร์ดต่าง ๆ นั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลยสำหรับบล็อกเกอร์ทุกสาขา โดยเฉพาะในเรื่องของเจตนาของการค้นหาว่าผู้ค้นหาต้องการหาข้อมูลแบบไหน
ข้อมูลข่าวสารทั่วไป หรือข้อมูลสินค้าบริการที่เราจะต้องทราบ เพื่อการวางแผนสร้างคอนเทนต์ได้อย่างถูกต้อง
กระชับเนื้อหา
เนื้อหาที่เขียนเสร็จในดราฟแรกนั้นไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุด บล็อกเกอร์หรือนักเขียนจึงต้องมีการแก้ไขเนื้อหาถึงสองสามรอบ เพื่อให้เนื้อหาที่ได้นั้นออกมาดีที่สุด
วิธีการหนึ่ง.. ก็คือตัดคำที่ฟุ่มเฟือยออก เช่น และ กับ หรือ ที่เป็นคำเชื่อมที่ไม่ควรใช้ซ้ำบ่อยจนเกินไป
วิธีการที่สอง.. ประโยคที่ดูวกวนเช่น “วันนี้ผมจะไปโรงพยาบาลสักหน่อย ไปให้หมอเช็คว่าปวดท้องเพราะอะไร” กับประโยค “วันนี้ผมจะไปหาหมอเช็คอาการปวดท้องสักหน่อย” จะเห็นได้ว่าประโยคที่สองกระชับเข้าใจง่ายโดยไม่ต้องมีคำว่าโรงพยาบาล
การกระชับเนื้อหาก็คือการสื่อสารด้วยถ้อยคำที่เข้าใจง่าย แต่ทรงพลัง จริงอยู่ครับถึงแม้กูเกิลจะให้คะแนนกับความยาวของเนื้อหา แต่ความกระชับไม่เยิ่นเย้อจะช่วยให้งานของท่านมีมาตรฐานสูงในสายตาของผู้อ่าน
ใช้ประโยคคำถาม
กูเกิ้ลนั้นเป็น semantic search engine หรือแปลให้เข้าใจก็คือเป็นเครื่องมือค้นหาที่ตอบสนองต่อ…
- เจตนาของผู้ค้นหา searcher intent
- บริบทของคำถาม query context
- ความเกี่ยวข้องของคำ the relationships between words

ด้วยเหตุนี้การใช้คำถามจึงสำคัญต่อการสร้างคอนเทนต์ การใช้ประโยคคำถามในส่วนไตเติ้ล, หรือ sub-heading นั้นมีความสำคัญไม่น้อยกว่าการแทรกคีย์เวิร์ดในรูปแบบต่าง ๆ เพราะอะไรเหรอครับ
ก็เพราะว่าคำถามนั้นมีความสำคัญต่อการค้นหาแบบ voice serch ที่สำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ การใช้ประโยคคำถามหรือ question keyphrases นั้นยังช่วยให้กูเกิ้ลพยายามแจกจ่าย traffic ให้กับหน้าอื่น ๆ ที่มีเนื้อหาใกล้เคียงด้วย
มีลิงก์ที่ถูกต้อง
โครงสร้างของเว็บไซต์จะดีได้ต้องจัดการเรื่อง internal และ external links ให้ดี การมี external links ที่ชี้ url ไปยังเพจที่มีเนื้อหาไม่เกี่ยวข้องกันนั้นเป็นสิ่งที่ควรงดเว้น
เช่นเดียวกันครับการมีลิงก์ภายใน internal links ที่ชี้ไปยังหน้าที่ไม่เกี่ยวข้องกันก็ไม่ควรทำ สาเหตุก็เพราะว่าจะทำให้ความต่อเนื่องในเนื้อหานั้นสะดุดลง และกูเกิลย่อมไม่ชอบใจแบบนี้
การมี external links ที่ดียังช่วยในเรื่องความเป็นมืออาชีพในการจัดการเนื้อหาอีกด้วย นอกจากนั้นยังเป็นป้ายบอกทางชั้นดีให้ผู้มาเยี่ยมชมได้ค้นหาข้อมูลได้กว้างขวางขึ้น
มีบทสรุปที่ย่อยความคิดหรือนำไปต่อยอดไอเดียได้
บทสรุปหรือตอนจบของแต่ละบทความนั้นเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าจะเปรียบตรงส่วนอินโทรเป็นพิธีเปิดงานที่งดงามตระการตาแล้ว ส่วนสรุปก็ควรจะเป็นเหมือนได้รับห่อของขวัญชิ้นใหญ่
ผมเจอมาไม่น้อยครับที่บทความส่วนใหญ่ ไตเติ้ล อินโทร รายละเอียดดีมาก แต่เคยได้ยินคำพูดนี้ไหมครับว่า “ดันมาตายตอนจบ” ที่จริงการจบบทหรือสรุปก็ไม่ได้ต้องมีอะไรวุ่นวายซับซ้อนนะครับ ก็อย่างที่ผมบอกเหมือนได้ของขวัญ
การสรุปสำหรับผมควรจะได้แรงบันดาลใจอะไรบางอย่าง หรือได้ไฟในการทำงานเพิ่มขึ้น กระชับ จุดประกาย ท้าทายความคิด นี่คือสิ่งที่บทสรุปของบทความที่ควรจะมีครับ

update เนื้อหาอย่างน้อยเดือนละครั้ง
ใคร ๆ ก็มักจะพูดกันใช่ไหมครับว่าให้อัพเดทบล็อกบ่อยๆหากหวังอยากให้บล็อกโต ผมก็จะพูดในประโยคเดียวกันครับว่าให้อัพเดทบล็อกบ่อย ๆ แต่บ่อยแค่ไหนล่ะ ?
เชื่อไหมครับว่าพอนานวันเข้าคุณจะมีเหตุผลสารพัดเลยครับ ต้องอาบน้ำแมว เรียนภาษา ไปรับลูก นั่นนี่โน่นเพื่อที่จะถ่วงเวลาออกไป แต่เชื่อผมเถอะครับว่ายังไงท่านก็ต้องกลับมาที่หน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่ดี
การวางแผนงานช่วยท่านได้ครับ ก็เหมือนวางแผนทั่ว ๆ ไปลงบนกระดาษหรือซอร์ฟแวร์ ตั้งเป้าหมายว่าท่านจะอัปเดตบทความกี่บทในเดือนนี้หรือในสามเดือน
การวางแผนมี deadline จะกระตุ้นให้ท่านจริงจังและกันไม่ให้หลงลืม
การอัปเดตบล็อกโพสต์นั้นไม่ได้มีกติกาอะไรครับ แต่จากสถิติพบว่ายิ่งอัพเดทบ่อยเท่าไรก็จะมี traffics มากขึ้นเท่านั้น

หากท่านเพิ่งเปิดบล็อกใหม่ก็ขยันอัปเดตโพสต์หน่อยครับอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้งสองครั้ง หรืออย่างเต็มที่อย่าให้น้อยกว่าเดือนละครั้ง
บทสรุป
ปริมาณกับคุณภาพต้องมาคู่กันหากอยากเขียนโพสต์ให้เป็นที่ชื่นชอบของกูเกิ้ลหรือผู้เยี่ยมชม บทความที่มีคุณภาพนั้นไม่จำเป็นต้องมีเนื้อหาที่ยาว
หรือถ้าท่านอยากเห็นบทความยาว ๆ ถูกแชร์ไปตามโซเชียลต่าง ๆ ก็ควรคำนึงถึงหลักการต่าง ๆ ข้างต้นที่เราได้พูดถึงกันมาแล้วครับ ที่จะช่วยเพิ่มคุณภาพ ความน่าอ่านให้กับบทความ
อย่าลืมนะครับว่าท่านเขียนให้คนอ่านไม่ใช่หุ่นยนต์ ดังนั้นบทความที่อ่านสนุก มีประโยชน์ ถึงไม่ถูกตามหลักเกณฑ์เป๊ะ ๆ ก็ต้องถือว่าเป็นผลงานที่ไม่เลวเลยที่เดียว
ขอบคุณที่ติดตามไว้พบกันใหม่คราวหน้าครับ