คิดไม่ออก เขียนไม่ออกทำไงดี: ทำลายกำแพง Writer’s Block
ในการทำงานทุกแขนงโดยเฉพาะงานที่ต้องใช้การสร้างสรรค์โดยเฉพาะงานเขียนเป็นสิ่งที่คุณหรือผมก็พอจะนึกภาพออกว่า ในวันที่ใจปลอดโปร่งก็จะเขียนได้อย่างนำไหลไฟดับมิรู้เบื่อ แต่ทว่าเมื่อฟ้าปิดทุกอย่างก็จะดูคลุมเครือไปหมด จะคิด จะเขียนอะไรดูมันติดขัดไปซะหมด นั่นคือสิ่งที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Writing’s Block
อาการคิดไม่ออกหรือเขียนไม่ออกนี้บางทีก็หาสาเหตุไม่ค่อยจะได้ จะโทษดินฟ้าอากาศหรือก็ใช่เรื่อง เอาเป็นว่าวันนี้เราจะมาหาวิธีแก้หรือช่วยผ่อนคลายอาการเหล่านี้กัน อาการแบบนี้บางทีก็เป็นแค่วันสองวันครับ แต่ถ้าเป็นต่อเนื่องทั้งอาทิตย์หรือเป็นเดือนก็เห็นต้องใช้หลาย ๆ วิธีร่วมกัน
งั้นเราไปดูกันเลยซิครับว่าวิธีแก้อาการเขียนไม่ออกมีอะไรบ้าง
เขียนเพื่อตัวคุณ
คุณกำลังเขียนเพื่อใครอยู่รึเปล่า ถ้าคุณกำลังมองหากลุ่มคนที่กำลังติดตามอ่านงานของคุณ แน่ล่ะย่อมมีหลักพันคนบางทีเป็นหมื่นหรือแสนคน เมื่อเป้าหมายของคุณมีหลากหลายย่อมทำให้คุณสูญเสียความเฉียบคม เหมือนคุณกำลังยิงธนูไปทุกเป้าย่อมเปลืองลูกและเปลืองแรง
คุณต้องเขียนเพื่อตัวคุณเอง ถึงแม้วิธีทางการตลาดจะให้คุณมองหากลุ่มลูกค้าหรือนิช แต่ในการทำงานคุณต้องเขียนให้ตัวเองอ่านสนุกเป็นลำดับแรก
วิธีนี้จะนำความเชื่อในคุณค่าของตัวเองกลับมา และส่วนตัวผมไม่เชื่อว่างานที่คุณเขียนแบบเอาใจตลาด ถึงแม้ยอดขายจะดีก็ไม่อาจทำให้คุณรู้สึกอิ่มใจได้ ถ้าคุณอ่านงานอย่างมีความสุขได้ผู้อ่านก็รับรู้ได้เช่นกัน
ลองเขียนในเวลาต่างกัน
ตามปกติตัวผมหรือคนที่ผมรู้จักก็จะทำงานเป็นเวลา ถึงจะไม่เหมือนกันแต่ก็เป็นแพทเทิร์นเดิมคล้าย ๆ กันทุกวัน คุณผู้อ่านก็คงมีเวลาทำงานที่ออกแบบสำหรับตัวเอง ถ้าหากท่านทำงานอิสระก็จะสามารถกำหนดเวลาต่าง ๆ ได้ตามใจชอบ
ผมนั้นชอบเริ่มงานตอนเช้าและจะทำได้ปริมาณมาก หลังจากบ่ายแล้วพลังงานความห้าวก็ค่อย ๆ ลดลง
หากคุณมีปัญหาความคิดตีบตันอาจเป็นไปได้ว่าเกิดความจำเจ ลองสลับเวลากับกิจกรรมอย่างอื่น หากช่วงบ่ายเป็นเวลาที่คุณทำการตลาด Social หรือ Email Marketing ลองย้ายงานเขียนไปทำเวลานั้นดูบ้าง บางทีคุณอาจได้บรรยากาศใหม่ ๆ ที่สำคัญเมื่อช่วงเวลาเปลี่ยน การปรับตัวจะช่วยให้คุณมีความกระตือรือร้นมากขึ้น
ลองมองในมุมขบขัน
ลองเริ่มต้นวันด้วยการวอร์มอัพที่ตลกขบขัน: เริ่มต้นเซสชันการเขียนของคุณด้วยแบบฝึกหัดการวอร์มอัพที่เน้นเรื่องอารมณ์ขัน เขียนโคลงสั้นตลก หนึ่งบรรทัดที่มีไหวพริบ หรือเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยตลกขบขันที่ไม่เกี่ยวกับหัวข้อหลักของคุณ สิ่งนี้จะช่วยคลายกล้ามเนื้อความคิดสร้างสรรค์และทำให้จิตใจของคุณพร้อมสำหรับประสบการณ์การเขียนที่เบาบางลง
เพิ่มพลังแห่งเสียงหัวเราะ ใส่อารมณ์ขันลงในหัวข้อของคุณ มองหาโอกาสที่จะใส่อารมณ์ขันลงในหัวข้อหรือเรื่องของคุณโดยตรง ค้นหาเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่น่าขบขัน ตัวอย่างตลก หรือมุมที่คาดไม่ถึงที่เกี่ยวข้องกับงานเขียนของคุณ สิ่งนี้สามารถช่วยให้คุณเห็นหัวข้อของคุณจากมุมมองใหม่และจุดประกายความคิดสร้างสรรค์
เริ่มเขียนจากอะไรก็ได้
ที่จริงวิธีนี้ผมใช้บ่อยเวลาที่อะไรมันตีบตัน คือเขียนอะไรก็ได้ไปก่อน แล้วพอเครื่องติดแล้วค่อยมาปรับปรุงในภายหลัง เขียนอะไรเล่น ๆ ไปก่อนพอให้ความคิดจุดติด
หรือคุณจะใช้การเริ่มจากส่วนบรรยายรายละเอียด ลืมช่วงอินโทรไปก่อนเพราะบางทีการคิดว่าจะเขียนอินโทรยังไงให้ออกมาดีมักขัดขวางความคิดไม่ให้ลื่นไหล
ท่านผู้อ่านที่เขียนไดอารี่เป็นประจำอาจมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่มาก ไดอารี่เป็นกิจกรรมเสริมที่ดีมากหากท่านพอจะมีเวลาสักวันละชั่วโมง
20 หนังสือน่าอ่านสำหรับเด็ก สนุกจนไม่อยากเล่นมือถือ
ขยายไอเดีย
การคิดไม่ออกสาเหตุหนึ่งเกิดจากคุณยังไม่ได้คิด หากคุณเริ่มคิดแล้วความต่อเนื่องก็จะตามมา วิธีขยายไอเดียเป็นวิธีหลัก ๆ ของผมเมื่อยามตีบตัน
หากคุณเริ่มที่หัวข้อ “แบบบ้าน” ให้คุณขยายหัวข้อย่อยออกมา โดยใช้วิธีขยายไอเดียแบบแนวตั้งและแนวนอน (จากหนังสือ “วรรคแรกถึงวรรคสุดท้าย”) แนวตั้งก็คือให้คุณลิสต์หัวข้อย่อยออกมาเท่าที่ต้องการ อย่างเช่น
- แบบบ้านในเมือง
- แบบบ้านทรงไทย
- แบบบ้านราคาประหยัด
- แบบบ้านในสวน
- แบบบ้านทรงสแกนดิเนเวียน
นี่เป็นการขยายไอเดียแบบแนวตั้งหรือแบบลิสต์ ส่วนการขยายไอเดียแบบแนวนอนก็คือ การบรรยายหัวข้อเหล่านั้นออกมาอย่างเข้าใจพอสังเขปอย่างเช่น
- แบบบ้านในเมือง – ยุคเศรษฐกิจแบบนี้สไตล์มินิมอลกำลังมาแรง ใช้พื้นที่น้อย ๆ แต่ประโยชน์ใช้สอยครบทุกตารางนิ้ว สำหรับบ้านแบบนี้
- แบบบ้านราคาประหยัด – เป็นแบบบ้านที่ใช้งบประมาณระหว่าง 100,000 – 500,000 บาทในการก่อสร้าง สามารถประยุกต์สร้างได้ในหลาย ๆ โลเกชั่น
- แบบบ้านในสวน – บ้านที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลายแบบธรรมชาติ ด้วยโลเกชั่นที่ดี แบบบ้านก็เลยต้องให้กลมกลืนกับสิ่งแวดล้อมเป็นลำดับแรก
หาจังหวะในการเขียนใหม่
จังหวะในการเขียนเป็นสิ่งสำคัญที่เป็นปัจจัยหนึ่งที่กำหนดความลื่นไหลในการทำงาน บางท่านเขียนหนึ่งชั่วโมงแล้วพักบางท่านเขียนทีเดียวสองชั่วโมงรวด
ผมนั้นถนัดคิดเป็นปริมาณเช่นเขียนได้ 5 หน้า 7 หน้าแล้วพักเบรค ผมคิดว่าปัจจัยสำคัญอยู่ที่ความต่อเนื่องของงานด้วย หลังจากกลับมาจากพักเบรคคุณอาจจะพบว่าสมองว่างเปล่า เป็นไปได้ที่บางทีไฟมอดไม่อยากเขียนขึ้นมาเฉย ๆ
ผมมักจะใช้วิธีพักในขณะที่กำลังอยากจะเขียนอยู่ สมมุติว่าเป็นกราฟที่กำลังขึ้นผมจะเบรคตัวเองที่กึ่งกลางยอดสูงสุดทันที ถึงแม้ว่าความคิดกำลังพรั่งพรูอยากเขียนต่อใจแทบขาด ผมต้องฝืนวางอุปกรณ์การเขียนรีบไปชงกาแฟทันที
นี่เป็นวิธีที่ผมจะสามารถรักษาไฟในการทำงานไม่ให้มอดลงไปได้ สมมุติถ้าจบเบรคด้วยการจบบทใดบทหนึ่ง นั่นหมายความว่าเมื่อผมกลับมาที่โต๊ะทำงานผมจะต้องรวบรวมสมาธิอย่างหนัก คุณคิดเหมือนผมรึเปล่าครับว่าการกลับมาเขียนงานที่ค้างอยู่นั้นง่ายกว่าการเริ่มต้นตอนใหม่เป็นไหน ๆ และวิธีการนี้เองจะทำให้ความคิดของคุณลื่นไหลไปได้
หยุดวางแผนการเขียน
คุณมีแผนในโครงงานเขียนบล็อกหรือหนังสืออยู่รึเปล่าครับ การวางแผนนั้นเป็นส่วนหนึ่งของใครหลาย ๆ คนรวมถึงตัวผม แผนการที่ดีถ้ามีเป้าหมายที่สมเหตุสมผลและรักษาวินัยในการปฏิบัติย่อมได้ผลลัพธ์ที่พึงพอใจ แต่เมื่อคุณมืดแปดด้านคิดอะไรไม่ออก แผนดีแค่ไหนก็ไม่มีผล
ผมเคยเขียนไว้ในโพสต์หนึ่งถึงเรื่องการวางแผนสำหรับการทำงาน Roadmap ใด ๆ ที่คุณสร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันนั้นเป็นเรื่องดีในเหตุการณ์ปกติ แต่เมื่อถึงคราวที่คุณตื้อสมองตันการพัก Roadmap นั้นชั่วคราวเป็นเรื่องดี การเขียนไม่ออกบางทีเกิดจากภาวะที่คุณคาดหวังตัวเองมากเกินไปจาก Roadmap ที่คุณสร้างขึ้น
วางแผนงานของคุณลงชั่วคราว หันกลับมาใช้ขั้นตอนง่าย ๆ เช่น เขียนให้น้อยลงสักครึ่ง ทำอะไรให้ช้าลงบ้าง ทำแบบนี้ต่อเนื่องกันไปจนกว่าความกระปรี้กระเปร่าจะกลับมาสู่เซลล์สมองของคุณ
รู้จักเครื่องมือใหม่ ๆ
ความก้าวหน้าในเทคโนโลยีทำให้เกิดเครื่องไม้เครื่องมือที่ทันสมัย และโดยการพยายามเรียนรู้และลองใช้เครื่องมือเหล่านี้ย่อมก็ให้เกิดภูมิปัญา เกิดทักษะใหม่ ๆ ขึ้นมา
ผมเป็นคนนึงล่ะครับที่ค่อนข้างหลงใหลในเทคโนโลยี ก็มันสนุกน่าตื่นเต้นดีใช่ไหมล่ะครับ เวลาว่าง ๆ ผมมักทดสอบแอปพลิเคชันใหม่ ๆ อยู่เสมอรวมถึงแอพที่เกี่ยวกับการเขียน
ข้อดีของแอปพลิเคชันสมัยใหม่เหล่านี้คือบางอย่างก็ช่วยย่นระยะเวลาเราได้เยอะ และถ้าหากว่าคุณคิดอะไรไม่ออกก็ลองศึกษาการใช้แอปพลิเคชันเหล่านี้ดู ซึ่งที่ผมเคยทดลองใช้มีดังนี้
ส่วนข้อเสียของการลองใช้แอปพลิเคชันเหล่านี้ก็คือ คุณอาจเพลินกับรูปลักาณ์ที่สวยงามทันสมัยทันสมัยจนลืมการลืมงานกันเลยทีเดียว
มาเริ่มงานกันเถอะ
เป็นปกติธรรมดาที่เหตุการ Writer’s Block จะเกิดกับนักเขียนบ่อย ๆ สิ่งที่ผมนำมาเสนอในบทนี้ก็หวังว่าจะช่วยให้ความคิดของท่านกลับสู่ภาวะลื่นไหลเหมือนเคย ที่จริงยังมีอีกหลายวิธีซึ่งถ้ามีโอกาสผมจะนำมาลงเป็นอีกตอนหนึ่ง ขอบคุณที่ติดตามอ่าน ไว้พบกันโพสต์หน้าจะมีอะไรดี ๆ คอยติดตามกันครับ
ว่าแล้วก็มาเริ่มเขียนงานกันต่อเลยดีกว่าครับ ถ้าความคิดเริ่มจุดติดแล้วแล้วก็ลุยกันเลย.. Let ‘s go!