ทำยังไงให้บทความขึ้นหน้าหนึ่งกูเกิล: ปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลต่อ Ranking Factor
การสร้างตัวตน ภาพลักษณ์ ของบุคคลหรือแบรนด์ใด ๆ ก็ตาม ทุกวันนี้กว่าครึ่งต้องพึ่งพาระบบออนไลน์เพื่อที่จะให้สินค้าและบริการได้ไปถึงการรับรู้ด้วยคำค้นต่าง ๆ อย่างไรก็ดีการติด index นั้นไม่ใช่เรื่องยาก การทำให้คอนเทนต์นั้นติดในลำดับต้น ๆ ในหน้าผลการค้นหาของกูเกิลต่าง ๆ หากที่เจ้าของแบรนด์ต้องโฟกัส
มีเงื่อนไขไม่น้อยเลยที่กูเกิลจะใช้เพื่อความพิจารณาเพื่อจัดอันดับ และในบทความนี้เราจะมาดูกันว่ามีวิธีการใดบ้างที่ท่านสามารถนำไปใช้เพื่อปรับปรุงเว็บไซต์ของท่านได้บ้าง
ใช้ Longtail Keyword
ใช้เครื่องมือค้นหาคีย์เวิร์ดสืบค้นใน Topic ที่ท่านสนใจ รวบรวมคีย์เวิร์ดมาก่อนที่จะทำการแยกแยะเพื่อนำไปใช้ในโอกาสต่าง ๆ ใช้ Longtail Keyword(LK) เพื่อลดการแข่งขันกับคู่แข่งอื่น ๆ LK มักจะเป็นกลุ่มคำที่ยาว บ่งบอกลักษณะสิ่งนั้น ๆ อย่างเฉพาะเจาะจง เช่นคำว่า “หน้ากากอนามัย” ซึ่งหากเป็น LK ก็จะกลายเป็น “หน้ากากอนามัย N95” หรือ “หน้ากากอนามัยแบบผ้า” หรือถ้าอยากทำให้เป็นคีย์เวิร์ดหางยาวมากขึ้น(Longtail) ก็จะได้คำว่า “หน้ากากผ้าสำหรับเด็ก” หรือ “หน้ากากผ้าสำหรับผู้หญิง” เป็นต้น
ท่านสามารถเรียนรู้วิธีหา Keyword แบบต่าง ๆ เพิ่มเติมได้จากหนังสือ “Site Structure สร้างบล็อกให้มีทรงตรงหลัก SEO แบบมืออาชีพ”
การหา LK นั้นท่านสามารถใช้โปรแกรมเครื่องมือค้นหาหลาย ๆ ชนิดร่วมกัน ทั้ง Google Keyword Tool, Ubersuggest, MOZ, Mangool และอีกมากมายที่ทั้งใช้ฟรีและแบบคิดเงิน ซึ่งแต่ละชนิดก็มีคุณสมบัติพิเศษแตกต่างกันไป และเมื่อท่านได้ LK แล้วก็จะสามารถนำไปสร้างบทความเพื่ออันดับกูเกิลต่อไป
มีคีย์เวิร์ดในส่วนสำคัญ
การเขียนเพื่อ SEO นั้นต่างจากการเขียนแบบทั่วไปอยู่เยอะพอสมควร เพราะต้องคำนึงถึงการใส่คีย์เวิร์ดที่มุ่งหวังเพื่อการทำ Ranking บน SERP ในจุดต่าง ๆ อย่างพอเพียงไม่มากไม่น้อยจนเกินไป
สมัยเมื่อสิบกว่าปีก่อนจะใช้วิธีที่เรียกกันว่า Keyword Stuffing ซึ่งแน่นอนว่ายุคที่อัลกอริทึมของกูเกิลยังไม่ฉลาดเช่นปัจจุบัน การทำ Keyword Stuffing ย่อมได้ผลดีพอสมควร ซึ่งในปัจจุบันก็ยังมีคนใช้วิธีอยู่เยอะพอสมควร แต่ก็เสี่ยงต่อการถูกกูเกิลคาดโทษร้ายแรงด้วยการถูกแบนบัญชี
ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดก็คือใช้คีย์เวิร์ดที่มุ่งหวังตามส่วนต่าง ๆ ก็คือ ไตเติ้ลซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่สุดที่จะทำให้บอทของกูเกิลทราบได้ว่าเนื้อหาคุณเกี่ยวเนื่องกับอะไร ต่อมาก็คือส่วนซับไตเติ้ลที่ขยายความและนำผู้อ่านเข้าสู่เนื้อหาหลัก ส่วนต่อมาก็คือ h2 ไปจนถึงเนื้อหาหลักที่ควรแทรกคีย์เวิร์ดไว้ด้วย
ใช้คำใกล้เคียง
เมื่อ Ai ของกูเกิลฉลาดขึ้นก็ย่อมเข้าใจเนื้อหาในบริบทที่ถูกต้องมากขึ้น คำว่า “อเมซอน” อาจหมายถึงร้านกาแฟที่มีเป็นพันสาขาในประเทศไทย หรือหมายถึงเว็บไซต์ขายปลีกที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่ชื่อว่า Amazon.com หรืออาจหมายถึงป่าดงดิบขนาดใหญ่ที่สุดในโลกในทวีปอเมริกาใต้ กูเกิ้ลสามารถแยกแยะด้วยการดูบริบทของคำใกล้เคียง เช่นร้านกาแฟก็ต้องมีคำอย่าง เอสเพรสโซ่หรือคาปูชิโน่
เมื่อกูเกิ้ลไม่ชอบการสแปมคีย์เวิร์ดซะแล้ว การใช้คำใกล้เคียง(Related Keywords) จึงเป็นสิ่งที่เหมาะสมและยังเป็นที่ชื่นชอบของกูเกิลอีกด้วย อย่างเช่นคีย์เวิร์ดหลักของคุณคือคำว่า “ข้าวผัด” คำใกล้เคียงก็คือคำว่า “อาหารตามสั่ง”, “อาหารจานเดียว”, “อาหารสิ้นคิด” อะไรแบบนี้
ใช้คำหรือคีย์เวิร์ดใกล้เคียงแทรกไว้ในหัวข้อ h3 และในเนื้อหาสักสองสามคำ พยายามให้คำและประโยคอ่านได้ไหลลื่น อย่าฝืนถ้ารู้สึกว่าไม่ใช่ อย่าใส่คำใกล้เคียงมากจนเกินไปจนดูเหมือนสแปม
มีลิงก์เข้าลิงก์ออกที่เหมาะสม
อีกองค์ประกอบหนึ่งที่ท่านจะต้องคำนึงถึงถ้าอยากให้บทความที่มีคีย์เวิร์ดเป้าหมายทะยานขึ้นสู่อันดับต้น ๆ สำหรับผลการค้นหาก็คือลิงก์ โดยเฉพาะลิงก์ที่เป็น Anchor Text ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าลิงก์แบบอื่น ๆ
เหตุผลที่ต้องมีลิงก์ออกไปยังเพจต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอก (Internal Link และ External Link) นั่นก็เพราะว่าคอนเทนต์ที่เราสร้างสรรค์ขึ้นมานั้นต้องแสดงให้กูเกิลเห็นว่าน่าเชื่อถือและสัมพันธ์กับเนื้อหาอื่น ๆ ในบล็อกแค่ไหน
ลิงก์ภายใน(Internal Link)
หมายถึงลิงก์ที่เชื่อมโยงไปยังหน้าใดหน้าหนึ่งภายในเว็บไซต์ ซึ่งหน้าเพจเหล่านั้นจะต้องมีเนื้อหาเกี่ยวข้องหรือใกล้เคียงกับบทที่ท่านโยงลิงก์ไปถึง ในขณะเดียวกันก็ควรมีบทความใดบทความหนึ่งหรือหลายบทความที่เชื่อมโยงลิงก์มายังบทความที่ท่านกำลังดำเนินการอยู่ เพื่อป้องกันสิ่งที่เรียกว่าเพจกำพร้า(Orphant Page) ซึ่งผมจะได้พูดในบทต่อ ๆ ไป
ลิงก์ภายนอก(External Link)
ลิงก์ภายนอกเป็นลิงก์อีกลักษณะหนึ่งที่กูเกิลให้ความสำคัญ เพราะการที่เพจของคุณมีลิงก์ส่งออกไปยังเว็บไซต์ที่มีค่า Page Rank หรือ Authority สูง ๆ ที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้อง ย่อมมีผลดีต่อการจัดอันดับในผลการค้นหาแน่นอน อย่างเช่นถ้าคุณพูดถึงไอโฟนรุ่นล่าสุดแล้วมีลิงก์ออกไปยังเว็บ Apple.com หรือถ้าพูดถึงชั้นวางรองเท้าแบบใหม่ ๆ แล้วโยงลิงก์ไปที่เว็บ indexlivingmall.com เป็นต้น
การเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์อื่น ๆ เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการมอบคุณค่าให้กับผู้ใช้ของคุณ บ่อยครั้ง ลิงก์จะช่วยให้ผู้ใช้ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม ตรวจสอบแหล่งที่มาของคุณ และเพื่อให้เข้าใจมากขึ้นว่าเนื้อหาของคุณเกี่ยวข้องกับคำถามที่พวกเขามีอย่างไร — จอห์น มูลเลอร์, Google
ความยาวเป็นส่วนสำคัญ
องค์ประกอบสำคัญอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้กูเกิลมองว่าบทความคุณมีคุณภาพก็คือขนาดความยาวของเนื้อหา และการที่คุณจะสามารถเขียนเนื้อหายาว ๆ ได้นั้นต้องมีความรู้พอสมควร หรือไม่ก็ต้องมีการทำการบ้านเป็นอย่างดี ก็คือการทำ Research นั่นเอง
ความยาวของเนื้อหาสำหรับคีย์เวิร์ดทั่วไปไม่ควรต่ำกว่า 700 คำ (นับด้วยโปรแกรม Microsoft Words 2007) สำหรับเนื้อหาที่เป็นคีย์เวิร์ดสำคัญนั้นควรจะมีความยาวไม่ต่ำกว่า 1,000 คำ ที่บอกว่าไม่ต่ำกว่าหมายความว่าอย่างต่ำที่สุดคุณต้องเขียนให้ได้ 1,000 คำขึ้นไป

ผมพบว่าบทความขนาดยาว นั้นทำอันดับได้ดีกว่าบทความที่สั้นกว่าอยู่เยอะพอสมควร และในอีกแง่หนึ่งมันช่วยให้คุณแทรกลิงก์ต่าง ๆ ได้มากขึ้น และมันยังทำให้ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์อยู่ในเว็บของท่านนานขึ้น
ระวังหน้าซ้ำกัน
แม้ว่า CMS อย่าง WordPress จะมีข้อดีอย่างมากมาย สามารถสร้างเว็บไซต์ได้ภายในพริบตา แต่ยังไงก็ตามการใช้ WordPress ด้วยความชำนาญย่อมทำให้ได้ประโยชน์และผลเสียหายน้อยกว่า ถ้าหากว่าท่านกำลังสร้างคอนเทนต์ใด ๆ อยู่ก็ตาม ขอให้ระวังสิ่งที่เรียกว่า Duplicated Content ไว้ด้วย

Duplicated Content ก็คือบทความซ้ำ ซึ่งต่างจากคำว่า Copy เพราะ Duplicated นี้เกิดจากการทำงานของโปรแกรม WordPress ซึ่งท่านพึงระวังเพราะอาจเกิดเหตุการณ์ที่มี Duplicated Content มากเกินไป ยกตัวอย่างเช่นการเขียนบทความแล้วจัดใส่ไว้หลาย ๆ Category หรือ Subcategory หรือการติด Tag เป็นต้น (ท่านสามารถอ่านเรื่อง Duplicated Content ได้จากหนังสือ Site Structure)
เพราะอะไรผมจึงว่าท่านควรระวัง เพราะว่าการมี Duplicated Content หรือบทความซ้ำเยอะเกินไปนั้นย่อมมีผลต่ออันดับกูเกิลแน่นอน ขอยกตัวอย่างในกรณีเมื่อท่านเขียนบทความเสร็จชิ้นหนึ่งแล้วสมมุติเป็นหัวข้อ “การเขียนให้เร็วขึ้น 5 เท่า” ท่านสามารถนำบทความนี้ไปใส่กี่ Category ก็ได้ สมมุติท่านเลือกใส่ใน Category ที่ชื่อว่า “การเขียน”, “การบริหารเวลา”, “ไอเดีย” ดังนั้นทั้ง 3 Category นี้ก็จะมีบทความที่มีเนื้อหาเหมือนกันถึง 3 ชุด
การใช้ Tag ก็มีความหมายอย่างเดียวกัน เพราะฉะนั้นท่านจึงควรระวังไม่สร้าง Duplicated Content มากเกินความจำเป็น
ส่วนวิธีแก้ปัญหาเรื่อง Duplicated Content อีกวิธีหนึ่งก็คือการใช้ Yoast Plugin

ระวังคำผิด
คำในประโยค ทับศัพท์ คุณศัพท์ต่าง ๆ รวมถึงการใช้วรรคตอนและย่อหน้าควรคำนึงถึงหลักการที่ถูกต้อง ถึงแม้ว่าการใช้คำผิด ๆ ถูก ๆ จะไม่ใช่สาเหตุโดยตรงที่กูเกิลเพ่งเล็ง แต่ก็เป็นปัจจัยที่เกี่ยวเนื่องอย่างชัดเจนต่อผู้เยี่ยมชม
การเขียนผิดถึงสองสามตำแหน่งแสดงถึงความไม่ละเอียดรอบคอบ ที่จะส่งผลถึงความเชื่อถือของผู้อ่าน ที่จะรู้สึกขัดอกขัดใจเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ท่านสามารถใช้โปรแกรมอย่าง Proofkat ตรวจสอบปรู๊ฟงานก่อนที่จะเผยแพร่
การใช้คำทับศัพท์ก็สำคัญเช่นกัน ซึ่งถ้าท่านไม่แน่ใจว่าสะกดถูกหรือเปล่า สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ที่ Katproof หรือ พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน
ดูความเป็น Authority
ความเป็น Authority ก็คือความเป็นมืออาชีพ บล็อกของท่านไม่ว่าจะเป็นนิชไหน ๆ การเกษตร แต่งบ้าน รถยนต์ อาหาร วรรณกรรม ควรมีเนื้อหาหรือคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องกับนิชนั้น ๆ ให้มากที่สุด
กูเกิลมองความเป็น Authority จากภาพรวม จากทุกเพจ ทุกหน้าในบล็อกหรือเว็บไซต์ของท่าน
การวางแผนก่อนเริ่มสร้างบล็อกมีส่วนสำคัญอย่างมาก ที่จะต้องมองหานิชที่เหมาะสม โดยท่านสามารถศึกษาการหานิชและสร้างบล็อกที่ถูกต้องได้จากหนังสือ Site Structure จากนั้นจึงเป็นการรวบรวม keywords หรือ Keyphrases ที่มุ่งหวังเพื่อทำอันดับกูเกิล เพื่อนำมาสร้างเนื้อหาใน Topic ต่าง ๆ
การวางแผนสร้างเว็บอย่างมีขั้นตอนจะช่วยให้ท่านเลือกใช้บริการ Hosting และจดโดเมนที่ใช้ชื่ออย่างเหมาะสม เพราะเมื่อบล็อกได้ดำเนินการขับเคลื่อนแล้วอาจต้องใช้เวลาหลายปีในการเติบโต และการขาดการวางแผนที่ดีจะสร้างปัญหาให้กับจุดนี้
เมื่อนานไปเนื้อหาที่ท่านสร้างอย่างดี รวมถึงคีย์เวิร์ดที่มุ่งหวังต่างทยอยกันติดอันดับบน SERPs ทราฟฟิคของผู้เยี่ยมชมก็จะมากขึ้นเป็นเงาตามตัว การมีส่วนร่วมในเว็บก็จะมีมากขึ้น เช่น การคอมเมนต์, แชร์, การกดสมัครรับข่าวสาร, หรือร่วมกิจกรรมของทางเว็บ และเมื่อท่านตั้งใจมอบคุณค่าให้กับผู้เยี่ยมชมเกินกว่าคุณภาพที่มี นั่นคือสิ่งที่กูเกิลเรียกว่า Authority Site
จัดการภาพให้มีขนาดเหมาะสม
รูปภาพประกอบส่วนปกหรือในส่วนอื่น ๆ นั้นมีส่วนต่อการจัดอันดับด้วยเหมือนกัน รูปภาพที่มีขนาดใหญ่เกินไปจะทำให้การความเร็วในการดาวน์โหลดเพจช้าลง จนผู้ชมอาจจะรำคาญจนปิดหน้านั้นไปในที่สุด ใช้ปลั๊กอินสำหรับเวิร์ดเพรสอย่าง ชื่อปลั๊กอิน เพื่อย่อรูปให้มีขนาดเล็กลงและ อีกทั้งปลั๊กอินตัวนี้ยังมีฟังก์ชันดี ๆ อีกหลายอย่าง เช่น 1234 หรือการบันทึกภาพในนามสกุล webp ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง
นอกจากนี้แล้วการทำ SEO สำหรับรูปภาพก็มีส่วนสำคัญ เพราะผู้ค้นหานิยมใช้การ Search หาจากรูปภาพไม่ใช่น้อย การทำ SEO รูปภาพทำได้โดยการใส่ Keyword ที่มุ่งหวังที่ช่อง “ข้อความ Alt” เพื่อบอกให้บอทของกูเกิลทราบว่ารูปนี้หมายถึงอะไร เนื่องจากกูเกิลไม่สามารถเข้าใจรูปภาพนั้นเอง
สรุป
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้บทความที่มีคีย์เวิร์ดที่มุ่งหวังเอาชนะคู่แข่ง ขึ้นในอันดับสูง ๆ บนหน้าหนึ่งของกูเกิลนั้นเป็นสิ่งไม่ยากเย็นจนเกินไปหากท่านใช้ Longtail Keyword เพื่อลดจำนวนคู่แข่ง แต่ในระยะยาวนั้นการสร้างเว็บไซต์อย่างถูกหลักเป็นสิ่งจำเป็น การมีนิชที่ถูกต้องจะเป็นแนวทางในการจดโดเมน เป็นแนวทางให้ท่านหาคีย์เวิร์ดต่าง ๆ เพื่อที่จะได้นำมาเขียนบทความได้อย่างต่อเนื่องและครอบคลุม
อนึ่งหากเว็บของท่านขยายตัวมีฐานผู้ติดตามมากขึ้น ก็จะง่ายต่อการเพิ่มนิชเพื่อหาคอนเทนต์ต่าง ๆ มานำเสนอได้อย่างเหมาะสมต่อไป
Sponsor:
– Web Vectors by Vecteezy
– Photo by Stephen Phillips – Hostreviews.co.uk on Unsplash