หลีกเลี่ยงสิ่งต่างๆเหล่านี้ หากคุณอยากให้คนเข้าบล็อกเพิ่มขึ้น
เมื่อเขียนโพสต์สำหรับบล็อกไปได้สักระยะ คุณอาจจะเพลิดเพลินกับเรื่องราวต่างๆที่คุณนำเสนอ สนุกกับการใส่รูปภาพสวย ๆ จนพอมาตรวจดูอีกทีใน Google Analytic กลับพบแนวโน้มต่างๆที่ลดลง เช่น Unique Visitors จำนวน Clicks หรือค่า Impressions
ไม่ต้องตกใจครับหากเกิดแนวโน้มแบบนี้ทซึ่งถ้าหากไม่ใช่ที่ตัวกูเกิลเองที่มีการปรับอัลกอริทึมเป็นระยะ ๆ หรือไม่ใช่เพราะตัวคุณขาดการอัพเดทโพสต์ใหม่ ๆ ลงบล็อก
หัวข้อด้านล่างที่ผมกำลังจะพูดถึงนั้นเกี่ยวในทางตรงและอ้อมกับเรื่องที่ผู้เยี่ยมชมหรือคนคลิกลิงก์ลดลง ลองสำรวจกันดูนะครับว่าคุณขาดข้อไหนกันไปบ้าง จะได้มาเติมเต็มให้กราฟได้ขยับหัวขึ้นสักที
บล็อกโหลดช้า
ปัญหาบล็อกโหลดช้ามีหลายปัจจัย แต่ถ้าหากคุณใช้ wordpress สร้างเว็บหรือบล็อกปัญหาเหล่านี้ก็จะลดลงไปได้มาก
พยายามจัดขนาดของรูปอย่าให้ใหญ่จนเกินไปโดยใช้ไฟล์นามสกุล .PNG หรือ .JPEG ซึ่งมีขนาดเล็ก ลบรูปที่ไม่ได้ใช้งานออกจากแกลเลอรี่ โดยเฉพาะสไลเดอร์ซึ่งอาจหน่วงให้ช้าได้อีกหากใส่ภาพมากเกินไป
ไฟล์ temp jquery หรือ script java ต่างๆยังส่งผลถึงความเร็วในการโหลดเว็บอีกด้วย โดยท่านสามารถจัดการกับปัญหานี้ได้ด้วยความสามารถด้านเขียนโปรแกรม แต่หากท่านไม่ถนัดก็อาจใช้ปลั๊กอินที่ช่วยในการลดขนาดรูปภาพและจัดการจัดระเบียบเรื่องสคริปต์ต่าง ๆ
Title ไม่ดึงดูด
เมื่อคุณเขียนบทความ ไตเติ้ลหรือ Headline เป็นสิ่งแรกที่ผู้คนจะพบเห็น และเจ้าไตเติ้ลนี่ล่ะก็จะเป็นตัววัดว่าจะมีซักกี่คนที่คลิกเข้ามาอ่านบทความของคุณ
ไตเติ้ลนั้นนอกจากจะเป็นสิ่งเรียกความสนใจแล้ว ยังเป็นประโยคที่ทำให้ผู้อ่านคาดเดาเนื้อหาทั้งหมดได้อย่างคร่าว ๆ ผู้ค้นหาจะคลิกไปอ่าน content อื่นทันทีถึงแม้ท่านจะมีลำดับที่สูงกว่าบนหน้ากูเกิล แต่มีไตเติ้ลที่ไม่น่าสนใจหรืออ่านจับใจความไม่ได้
การเขียนไตเติ้ลให้ดึงดูดถึงแม้จะเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายแต่ก็พอจะมีวิธีการอยู่บ้างครับ
คือให้คุณใช้คีย์เวิร์ดที่ต้องการทำอันดับพิมพ์ลงไปในช่องกูเกิลเสิร์ช เมื่อกูเกิลแสดงผลการค้นหาออกมาคุณก็ดูได้เลยครับว่าเว็บลำดับต้น ๆ เขาเขียนไตเติ้ลว่าอย่างไร ไม่ได้ไปลอกเขานะครับ เอามาเป็นแนวทางผสมผสานเติมแต่งให้เป็นแบบของเรา
ข้อดีของวิธีนี้ก็คือท่านสามารถทราบ search intent ของผู้ค้นหา และยังทราบถึงข้อบกพร่องของไตเติ้ลของบทความคู่แข่งอีกด้วย
ไม่มีพลังในตัวหนังสือ
พลังเป็นสิ่งที่ทุกการสร้างสรรค์จำเป็นต้องมี การเขียนบทความก็เช่นเดียวกัน ที่นอกจากต้องอาศัยประสบการณ์ ข้อมูลที่ถูกต้อง ตัวอักษรที่ลื่นไหล อีกอย่างที่จำเป็นก็คือพลังในตัวหนังสือหรือทุกอักษรที่จะขาดไปไม่ได้
บางท่านอาจจะขำหาว่าผมดูหนังการ์ตูนมากไปแต่เปล่าเลย….
ไม่ทุกวันหรอกครับที่ผมจะมีพลังตื่นขึ้นมาเขียนโพสต์ แต่ทุกวันผมจะต้องสร้างพลังเพื่อเดินหน้าต่อให้ได้ อย่างโพสต์นี้ก็เช่นกันที่ผมเขียนไม่ออกในทีแรกเพราะขาดพลัง การขาดพลังเกิดจากคุณมีวัตถุดิบไม่พอ ขี้เกียจทำ research มักง่าย อะไรต่างๆเหล่านี้ทำให้พลังในตัวอักษรของคุณจางหายไป
ถ้าหากคุณอ่านทบทวนสิ่งที่คุณเขียนแล้วพบว่าอ่อนแรงเต็มที มีแต่น้ำ ก็ให้วางปากกาแล้วลงมือทำรีเสิร์ชอีกรอบครับ ทำจนกว่าพลังความอยากเขียนจะล้นออกมา
ขาด Niche
ขาดอะไรก็ได้แต่หากขาดสิ่งที่เรียกว่า Niche ความสับสนอลหม่านก็จะมาเยือนเว็บไซท์คุณ….
Niche ก็คือตลาดเฉพาะ
เป็นสิ่งที่คุณต้องคิดก่อนการสร้างบล็อกแล้วว่าสินค้าหรือบริการของคุณคล้องจองกับลูกค้ากลุ่มไหน Niche เปรียบเสมือนหางเสือเรือที่ผมเปรียบเทียบว่าถ้าไม่มีเว็บคุณจะไร้ทิศทาง
หากคุณมี Niche อยู่แล้วผมก็ขอแสดงความยินดีด้วย แต่หากคุณไม่มีก็ให้ลองมองช่องว่างของตลาดเช่น หากคุณมีความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ คุณก็สามารถสร้างบล็อกสอนคอมพิวเตอร์สำหรับผู้สูงอายุ หรือถ้าคุณถนัดซ้ายและเล่นกีตาร์เป็นก็สามารถสร้างบล็อกสอนคนเล่นกีตาร์และขายกีตาร์สำหรับเฉพาะคนถนัดซ้าย
ไม่มีบทความหลัก (cornerstone content)
บล็อกที่สร้างแบบหวังผลถึงแม้จะมีบทความมากมายแต่สิ่งจำเป็นอีกอย่างที่จำเป็นจะต้องมีก็คือบทความหลัก (Cornerstone Content) หรือใครจะเรียกว่าบทความพระเอกหรือบทความเสาหลักอะไรก็แล้วแต่ ยังไงผมขอเรียกบทความหลักก็แล้วกันนะครับ…..
บทความหลักคืออะไร ?
หากคุณเพิ่งเริ่มสร้างบล็อกแล้วล่ะก็นอกจากเรื่อง Niche ที่จำเป็นต้องดูให้ดู ก็เรื่องบทความหลักนี่ล่ะครับที่เป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กัน
บทความหลักสร้างเพื่อรองรับ Mass Keywords หากคุณทำการค้นคว้ามากพอก็จะแยกคีย์เวิร์ดเพื่อทำ SEO ได้อย่างถูกต้อง ตัวอย่างเช่นหากคุณสร้างเว็บไซท์เกี่ยวกับหนังสือ บทความหลักของคุณต้องมีคีย์เวิร์ดเช่น หนังสือเรียน หนังสือ how-to หนังสือนิยาย
บทความหลักของคุณต้องมีคีย์เวิร์ดเหล่านี้สิงสถิตย์อยู่ หลังจากนั้นคุณก็สร้างบทความทั่วไปขึ้นมารองรับ Longtail Keywords ต่างๆเช่น หนังสือเรียนเด็กอนุบาล หนังสือเรียนเด็กม.5 หนังสือนิยายรหัสคดี หนังสือนิยายวิทยาศาสตร์ หนังสือวรรณกรรมเยาวชน ต่าง ๆ เหล่านี้
ทำไมถึงต้องมีบทความหลัก ?
ก็อย่างที่ผมได้กล่าวไปแล้วครับว่าบทความหลักนั้นสร้างขึ้นมาเพื่อรองรับ Mass Keywords หรือคำทั่วไปที่คนนิยมค้นหากัน ประโยชน์อีกอย่างของบทความหลักหรือ Cornerstone Contents ก็คือมันทำหน้าที่เป็น Hub ของเพจทั่วไปที่ชี้ให้กูเกิ้ลเห็นถึงความเป็นมืออาชีพของเว็บไซท์ในภาพรวม
ไม่มี Longtail Keywords
ในหนังสือ ‘Site Structure สร้างบล็อกให้มีทรงตรงหลัก SEO อย่างมืออาชีพ’ นั้นผมก็ได้กล่าวถึง Longtail Keywords และการใช้งานไว้พอสมควร ซึ่งในบทนี้ผมจะกล่าวเป็นสังเขปให้ท่านผู้อ่านพอเข้าใจครับ
Longtail Keywords นั้นเป็นคำหรือกลุ่มคำที่ได้จากการใช้เครื่องมือค้นหาอย่าง Google Keyword Planner, KWfinder, Ahref ต่างๆเหล่านี้เพื่อนำมาสร้าง Content
Longtail Keywords นั้นมีจำนวนผู้ค้นหาน้อยเพราะเป็นคำที่ยาวหรือเฉพาะเจาะจง จึงเหมาะที่จะนำมาสร้างคอนเทนท์เนื่องจากมีคู่แข่งไม่มาก จึงสามารถทำอันดับได้ง่ายบนกูเกิ้ลเสิร์ช
การใช้ Longtail Keywords จะช่วยให้บทความของท่านมี Ranking สูงอยู่ได้นานกว่าบทความที่ไม่มีคีย์เวิร์ดใด ๆ ซึ่งเมื่อท่านมี internal link กลับไปยังขบทความหลักด้วยแล้ว ก็จะยิ่งเป็นที่ถูกใจของกูเกิ้ล
หากท่านไม่เคยวางแผนคีย์เวิร์ดใช้ Longtail Keywords กับบทความใด ๆ มาก่อนหน้า ก็ไม่เป็นไรครับ ให้ท่านอัพเดทจากบทความเดิมนั่นล่ะครับ เปลี่ยน
Heading ,Sub Heading แทรกคีย์เวิร์ลงไปในเนื้อหา และลองดูความเปลี่ยนแปลงกับ traffic ที่เพิ่มขึ้นครับ
ขาดการวางแผนที่ดี
บางทีการที่ผู้คนเข้ามาเยี่ยมชมบล็อกของคุณลดลงไม่ได้เกิดจากขาดการวางแผน แต่เกิดจากการวางแผนที่ไม่ดีต่างหากครับ..
เมื่อไรก็ตามที่โครงสร้างเว็บไซท์ของคุณบิดเบี้ยวเนื่องจากไม่ได้วางแผนให้ดีแต่แรกเช่น หา Niche ทำ Keyword Reserch วางเป้าหมาย แล้วล่ะก็ไป ๆ มาคุณก็จะเพิ่ม Content ด้วยการสุ่มเอาเนื้อหาที่ไม่เกี่ยวข้องแล้วยัดลงไปใน Category ทั่วไป ซึ่งแรก ๆ ที่เริ่มทำบล็อกผมก็เป็นครับ
การวางแผนที่ดีนั้นไม่ได้ต้องการผลลัพธ์ 100 % แต่แผนงานที่ดีต้องเป็นแนวทางให้เราพัฒนาผลงานได้อย่างต่อเนื่องครับ คุณอาจจะวางแผนเขียนบทความ 10 บทในหนึ่งอาทิตย์แต่ทำได้ 5 บทก็ไม่ได้หมายความว่าล้มเหลวนะครับ(ได้ 5 คะแนนเต็มสิบถือว่าสอบผ่าน อิอิ)
การวางแผน ดำเนินงาน แล้วกลับมาตรวจสอบเป็นขั้นตอนที่จะเพิ่มศักยภาพให้กับคุณ บทความที่มีคุณภาพต้องมาจาก การทำ Reserch หา Niche วางแผน กำหนดเป้าหมาย อย่างสอดคล้องกันทุกขั้นตอน
หากบทความของคุณไม่ได้เกี่ยวกับนิชของบล็อกบ่อย ๆ คุณจะคาดหวังไม่ให้ผู้เยี่ยมชมแวะไปบล็อกอื่นได้อย่างไรครับ
อ่านเพิ่ม > Internal Links กับความสำคัญต่อการทำอันดับบนกูเกิ้ล
ขาดความสม่ำเสมอต่อเนื่อง
เคยไหมครับที่คุณสร้าง post แล้วก็หายไปทำอย่างอื่น แล้วอีกสามอาทิตย์ก็กลับมาโพสต์ใหม่ ทำอย่างอื่น ..แล้วอีกสองเดือนก็แวะมาโพสต์อีกครั้ง
ผมกำลังพูดถึงความต่อเนื่องหรือสม่ำเสมอในการทำงาน คุณเข้าใจถูกแล้วครับ
ความสม่ำเสมอจะเหมือนแรงเหวี่ยงที่เมื่อต่อเนื่องนาน ๆ เข้าจะกลายเป็นพลังที่เข้มแข็ง ความต่อเนื่องจะช่วยให้ไอเดียคุณมีชีวิตชีวา เมื่อคุณสร้างงานอย่างมีพลังมีชีวิตชีวาใครจะไม่อยากอ่านผลงานเหล่านั้นล่ะครับ
ต่อให้คุณไม่ได้วางแผนมี Niche หรือ Keyword ใด ๆ แต่ถ้าคุณทำงานด้วยพลังเกินร้อย ผลงานที่ออกมาย่อมน่าประทับใจอย่างแน่นอนครับ
ใช้ความสม่ำเสมอต่อเนื่องขับเคลื่อนงานอย่างมีพลัง แล้วเมื่อนั้นสิ่งที่คุณทำจะกลายเป็นที่ชื่นชอบทั้งผู้อ่านและโรบอทของกูเกิลครับ
ทั้งหมดทั้งปวง…
เมื่อจำนวน traffic หรือจำนวนผู้เยี่ยมชมบล็อกลดลงสิ่งแรกที่ต้องทำก็คืออย่าเพิ่งตกใจครับ ตั้งสติดี ๆ แล้วลองดูหัวข้อที่ผมได้นำเสนอคุณไป
การขับเคลื่อนบล็อกต้องอาศัยในหลายมิติทั้งในแง่ของเทคนิคเช่นในเรื่อง Niche, Longtail Keywords, บทความหลัก ในแง่ของแผนงานก็เช่นเรื่อง การวางแผนที่ดี ความสม่ำเสมอ หรือในแง่ของการสื่อสารก็เช่นเรื่อง Title ไม่ดึงดูด ไม่มีพลังในตัวหนังสือ ซึ่งทั้งหมดต้องทำไปพร้อม ๆ กันจะขาดส่วนหนึ่งส่วนใดไปมิได้
วิธีการเหล่านี้นอกจากช่วยเพิ่ม traffic แล้วยังอาจเพิ่มผู้ติดตามหรือลูกค้า (Lead)
การลดลงของผู้เยี่ยมชมจะไม่เป็นปัญหาเมื่อคุณเข้าใจวงจรธุรกิจ มีเป้าหมายสร้าง Content เพื่อ Niche อย่างถูกต้อง ที่สำคัญคือการหาความรู้ขยันปรับปรุงคุณภาพบล็อกอยู่เสมอ แล้วทำไมถ้าคุณทำทุกอย่างครบแล้วจะหวังให้กราฟผู้เยี่ยมชมพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่ได้ล่ะครับ ??
Photo by Franck V.