บล็อกฟรียอดนิยม

บล็อกฟรียอดนิยม: เพื่อการเขียนบล็อก สร้างบล็อก อย่างมีประสิทธิภาพ

ท่านนักเขียนบล็อกหลาย ๆ ท่านคงเคยผ่านประสบการณ์ในการเขียนบทความ หรือเขียนบล็อกมาไม่มากก็น้อย ผมก็เป็นคนหนึ่งเช่นกัน  แต่ก็มีนักเขียนบางท่านที่อาจจะไม่รู้หรือใหม่ต่อการเขียนบล็อก

ในบทความนี้ผมจะมาแนะนำบล็อกยอดนิยมที่เปิดให้ใช้งานฟรี   บล็อกฟรีนั้นถึงแม้จะมีข้อจำกัดอยู่บ้างก็จริง แต่ถ้าเราใช้งานให้ถูกวัตถุประสงค์ก็สามารถที่จะใช้งานได้เทียบเท่าบล็อกเสียตังค์(self-hosted)เลยทีเดียว และนี่เป็นบล็อกต่าง ๆ  รวมถึงลักษณะการใช้งานให้เหมาะกับวัตถุประสงค์ต่าง ๆ
การสร้างบล็อก สำหรับทุกสาขาอาชีพ : คู่มือฉบับสมบูรณ์


WordPress ( blog ฟรียอดนิยม มากที่สุด )

wordpress.com


WordPress.com เป็น blog ฟรีที่นิยม แพล็ตฟอร์มแรก ๆ ที่เกิดมาในเวลาไล่เลี่ยกับ Blogger.com  ลักษณะหน้าตานั้นสวยงามสะอาดตา ส่วนการตั้งค่าปรับแต่งนั้นค่อนข้างยาก หากเป็นผู้ที่ไม่คุ้นเคยอาจถึงขั้นหงุดหงิดได้เลยที่เดียว

ข้อเด่น: ของ WordPress นั้นคือสามารถจดโดเมนของตัวเองได้  หรือยิ่งกว่านั้นถ้าอยากได้เว็บมืออาชีพแบบเต็มสูบ ท่านก็สามารถเช่าโฮสและใช้บริการ WordPress.org  ที่มีปลั๊กอินฟรีให้เลือกมหาศาล ข้อดีอีกข้อนั้นคือ WordPress นั้นเป็นบล็อกแบบ CMS จึงสามารถทำอันดับใน google ได้เป็นอย่างดี

ข้อด้อย: ก็คือการตั้งค่าต่าง ๆ ค่อนข้างยุ่งยากพอสมควร  

เหมาะสำหรับ: ผู้ที่เขียนบล็อกมาระยะหนึ่ง เข้าใจองค์ประกอบการตั้งค่าต่างๆพอสมควร แต่ไม่เหมาะกับบล็อกเกอร์มือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้น

7 เคล็ดลับเขียน blog ยังไงให้น่าสนใจ

Medium ( บล็อกฟรี แบบมีระดับ )

medium.com


เป็น app เขียนบล็อกจากต่างประเทศที่มีคนนิยมใช้กันทั่วไลก Medium เป็น app ที่ดูเป็นมืออาชีพ สามารถเขียนและแชร์เรื่องราวได้ในรูปแบบบทความ หรือเป็นซีรี่ย์  Medium นั้นเปิดให้ใช้บริการทั้งแบบฟรีและแบบเสียค่าสมาชิกรายเดือนประมาณ 170 กว่าบาท  

ข้อเด่น: สวยงาม ใช้งานง่าย เป็นชุมชนที่ใหญ่ มีข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์มากมาย

ข้อด้อย: ต้องเสียค่าสมาชิกเพื่อเขาถึงฟีเจอร์บางอย่างเช่น การอ่านบทความแบบไม่จำกัด หรือการได้เห็นฟีเจอร์ใหม่ ๆ ก่อน

เหมาะสำหรับ: เหมาะกับใครก็ได้ที่อยากบล็อก ถ้าไม่ติดใจที่ต้องเสียค่าสมาชิกเล็กน้อย เพื่อความเป็นมืออาชีพ
เขียนบล็อกกับ Medium สร้างตัวตน/แบรนด์ ผ่านเว็บไซต์ระดับโลก

Blogger ( blog ฟรี อายุไม่ใช่น้อยจาก google )

blogger.com


บล็อกเกอร์เป็น blog ฟรีที่นิยม ที่มี google เป็นเจ้าของ  เป็นแพล็ตฟอร์มแรก ๆ ที่เกิดขึ้นมาไล่เลี่ยกับ WordPress และก็ต่อสู้กันมาตลอดว่าใครดีใครอยู่เลยทีเดียว 

ข้อเด่น: คือมีธีมสวย ๆ ให้เลือกมากมาย  การตั้งค่านั้นก็ค่อนข้างง่ายเลยทีเดียว  และการใช้งานก็ง่ายดายไม่ซับซ้อน

ข้อด้อย: ก็คือ Feature ที่ไม่ได้มีให้เลือกมากมายนัก ปรับแต่งไม่ไดดังใจเท่าไหร่หากต้องการสร้างบล็อกแบบเต็มรูปแบบโดยเฉพาะแบบ ecommerce

เหมาะสำหรับ: ท่านที่ชอบเขียน diary ออนไลน์หรือทดลองโครงการอะไรบางอย่าง แต่ไม่เหมาะกับมืออาชีพที่ต้องการปรับแต่งโครงสร้างได้อย่างเต็มที่

Blockdit ( app บล็อกฟรี มาแรงแซงทางโค้ง )

blockdit.com


Blockdit เป็นอีกแพล็ตฟอร์มหนึ่งของคนไทยที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว  มีอินเตอร์เฟซที่สวยงามน่าใช้ มีเอกลักษณ์แปลกตาไม่เหมือนใคร

ข้อเด่น: นักเขียนสามารถหารายได้จากบล็อกที่มีผู้ติดตามถึง 1,000 คนขึ้นไป ข้อเด่นอีกประการก็คือข้อความแต่ละบรรทัดมีลักษณะเป็นบล็อกคล้ายคนกำลังสนทนากัน ซึ่งดูแปลกตาน่าสนใจมาก

ข้อด้อย: เนื่องจากเป็นแพล็ตฟอร์มที่สร้างขึ้นมาทำงานบน app มือถือ ดังนั้นหากเปิดบนเบราเซอร์ก็จะไม่ได้ฟีเจอร์ที่ครบถ้วน

เหมาะสำหรับ: ผู้เริ่มต้นหรือกระทั่งบล็อกเกอร์มืออาชีพ เพราะมีผู้ติดตามเป็นตัวคอยวัดคุณภาพของเนื้อหา ที่จะนำมาซึ่งการสร้างรายได้หรือไม่

Wix ( เรียบง่ายแบบไม่ธรรมดา )

wix.com


เป็นแพล็ตฟอร์มระดับโลกที่โด่งดังมาหลายปีแล้ว มี Package ฟรีและจ่ายเงินเพื่อลูกเล่นที่เพิ่มมากขึ้น  wix เป็นแพล็ตฟอร์มที่สามารถจัดการได้ง่าย สำหรับผู้ที่ชอบเว็บที่ดูดี สวยงาม สะอาดตา โดยสามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้อย่างสะดวก ไม่ได้มีขั้นตอนอะไรซับซ้อนมากนัก

ข้อเด่น: ข้อดีของ Wix ที่เห็นชัดๆก็คือความสวยงาม ดูดี โดยมี theme สำเร็จรูปสำหรับสร้างเว็บไซท์ในกมวดหมู่ต่าง ๆ อย่างครอบคลุม  Wix ยังสามารถจด Domain ของตัวเองได้ด้วย หรือถ้าอัพเกรดเป็น premium ก็จะมีพื้นที่จัดเก็บหรือ Theme ที่เพิ่มมากขึ้น

ข้อด้อย: การปรับแต่งสะดวกสบายก็จริง แต่ก็อยู่ในขอบเขตของการใช้งานระดับปกติ ยังไม่ใช่ระดับสูง

เหมาะสำหรับ: บล็อกที่เน้นความสวยงาม ความลื่นไหลในการเปิดหน้าเพจประเภท ร้านค้า ecommerce, บล็อกแนว fashion  หรือถ้าอยากทำแบบมืออาชีพก็สมัครแพลน Premium ที่มีราคาต่อเดือนเพียง 400 บาท

Tumblr ( สนุกสนานกันได้ทุกหัวข้อ )

tumblr.com


Tumblr อ่านว่า ทัมเบล่อร์ มีลักษณะเป็น ‘micro blog’  ที่คล้าย twitter ผสมกับ wordpress โดยแพล็ตฟอร์มนี้นั้นสามารถรีบล็อกได้  อีกทั้งยังสามารถโพสต์ภาพเคลื่อนไหวหรือวีดีโอได้เป็นอย่างดี เพิ่มเติม

ข้อเด่น: มีเครื่องไม้เครื่องมือที่ใช้ง่าย ดูไม่รกรุงรัง  และด้วยความที่เป็นไมโครบล็อก content ต่างๆจึงดูกะทัดรัด มีเอกลักษณ์น่าติดตาม

ข้อด้อย:  เนื่องจากเป็นลักษณะ micro blog สำหรับผู้ที่ชอบธีมแบบอลังการก็อาจจะไม่ถูกใจนัก 

เหมาะสำหรับ: บทความที่มีภาพประกอบที่สะดุดตา หรือภาพเคลื่อนไหวแบบ Gif ที่จะช่วยให้บทความดูน่าสนใจขึ้นอีกมาก

Facebook ( ฟรีบางอย่าง แต่ยังเป็นอมตะนิรันด์กาล )

facebook.com


สำหรับการเขียนเนื้อหาลงใน Facebook ก็เป็นสิ่งคุ้นเคยสำหรับคนส่วนมากอยู่แล้ว ซึ่งการใช้ Facebook สำหรับสร้างสรรค์เนื้อหานั้นมีข้อเด่นข้อด้อยอย่างไร เรามาดูกันครับ

ข้อเด่น: ที่เห็นชัดๆเลยอย่างแรกก็คือ ความง่ายในการใช้งาน Facebook นั้นสามารถใช้ได้ดีทั้งบน app และ บน brouser ที่ไม่ใช่ทุกแบรนด์จะสามารถทำงานได้อย่างดีบนทั้งสองแพลตฟอร์ม  ข้อเด่นประการต่อมาก็คือความสะดวกในการแชร์ เนื่องจาก Facebook ได้รับความนิยมทั้งโลก ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายดายที่จะหาปุ่มแชร์ได้จากทุกหนทุกแห่ง

ข้อด้อย: ความที่เฟซบุ๊กมีคนใช้เป็นร้อยล้านดังนั้นบางครั้งจึงเกิดอาการ Lag หรือ ล่มบ่อย ๆ  อีกประการก็คือความสามารถในการเข้าถึงเนื้อหาของผู้ติดตามได้ถูกปรับลดลงเหลือไม่ถึง 1% เพื่อเหลือที่ไว้ให้กับผู้เสียเงินลงโฆษณา

เหมาะสำหรับ: การเขียนบทความแบบแค็ปชั่น หรือแชร์บทความมาจากที่อื่น จะมีประสิทธิภาพมากที่สุดก็ต่อเมื่อเสียเงินบูสท์โพสต์เป็นครั้งคราว


JIMDO

jimdo.com


Jimdo เสนอธีมต่างๆ มากมายเพื่อช่วยให้คุณทำให้ไซต์ของคุณดูเป็นมืออาชีพ เทมเพลตได้ถูกเลือกให้คุณแล้ว สิ่งที่คุณต้องทำคือปรับเปลี่ยนสไตล์

ข้อเด่น: เช่นเดียวกับ Wix และ Squarespace Jimdo ไม่ต้องการความรู้ด้านการเขียนโค้ดใดๆ และเป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้สร้างสองคนนี้ หากคุณกำลังมองหาเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ที่ช่วยให้คุณทำตามงบประมาณที่จำกัดได้มากขึ้น

ข้อด้อย: แม้ว่าจะยอมรับได้ แต่โปรแกรมแก้ไขเพจยังขาดความยืดหยุ่นในแง่ของเค้าโครงและการปรับเปลี่ยนในแบบของคุณ จะดีมากถ้าแพลตฟอร์มมีความหลากหลายมากขึ้น อย่างไรก็ตามมันเป็นแพลตฟอร์มที่ดีโดยรวม แต่ต่างจาก Wix และ Squarespaceตรงที่ Jimdo ไม่สามารถแข่งขันกับคุณสมบัติใหม่ที่น่าทึ่งมากมายได้ ตัวอย่างเช่น ทั้ง Wix และ Squarespace ได้เพิ่มคุณสมบัติเฉพาะของบล็อก ปฏิทินสำหรับการจอง รวมถึงคุณสมบัติการออกแบบระดับพื้นผิว เช่น การเลื่อนพารัลแลกซ์

เหมาะสำหรับ: Jimdo เหมาะที่สุดสำหรับผู้ที่มีตัวตนทางออนไลน์อยู่แล้ว และต้องการสิ่งที่เรียบง่ายและราคาถูกเพื่อรักษาภาพลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นพอร์ตโฟลิโอ ร้านค้าออนไลน์ขนาดเล็ก หรือเว็บไซต์สำหรับงานอดิเรกที่เรียบง่าย Jimdo นั้นสมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่ต้องการบางสิ่งที่เรียบง่ายและทันสมัย ​​– แต่ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อคุณต้องการเว็บไซต์ที่ตรงตามความต้องการและเป็นส่วนตัวมากกว่าสำหรับความต้องการทางออนไลน์ของคุณ!


SITE123

SITE123


Site123 นั้นยอดเยี่ยมมากหากคุณเป็นธุรกิจขนาดเล็กที่มีงบประมาณจำกัดหรือพยายามแสดงตัวตนของคุณทางออนไลน์ มันค่อนข้างคุ้มค่ากับเงินที่เสียไป Site123 จะช่วยให้คุณสร้างเว็บไซต์ที่เรียบง่ายโดยไม่ต้องใช้ทักษะการเขียนโค้ดใด ๆ โดยเฉพาะจะเหมาะกับเว็บไซต์ส่วนบุคคลมากกว่าร้านค้าอีคอมเมิร์ซที่มีขนาดใหญ่ 

ข้อเด่น: มีคุณสมบัติแชทสดที่เป็นประโยชน์ เทมเพลตตอบสนองมือถือและแท็บเล็ตอย่างเต็มที่ ความสามารถความเร็วไซต์ที่ยอดเยี่ยม

ข้อด้อย: คุณสมบัติบางอย่างขาดความลึกและคุณภาพที่แท้จริง ขาดเครื่องมืออีคอมเมิร์ซ ความยืดหยุ่นในการสร้างสรรค์ที่จำกัดและคะแนนการออกแบบต่ำสุด

เหมาะสำหรับ: ไม่แปลกใจเลยที่รู้ว่า Site123 สร้างขึ้นสำหรับบุคคลทั่วไปและธุรกิจที่ต้องการเว็บไซต์พื้นฐานที่ทำงานรวดเร็วทันใจโดยมีความยุ่งยากน้อยที่สุด มันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับท่านที่ต้องการเว็บไซต์ที่ซับซ้อนหรือทรงพลัง แต่สำหรับความเร็วของเว็บไซต์ คุณจะต้องลำบากในการหาเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ที่ดีกว่านี้


SQUARESPACE

squarespace.com


หน้าแรกของ Squarespace นั้นดูดีมากทีเดียว ในบรรดาเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ทั้งหมดที่เราได้ทำการทดสอบ แทบจะไม่มีบริษัทอื่นใดที่เข้าใจวิธีแสดงผลิตภัณฑ์ของตนด้วยความสมบูรณ์แบบเช่นนี้ ทุกอย่างดูเท่ สดชื่น และไร้ที่ติ ด้วยการรับรองจากคนดังอย่าง Zendaya, Idris Elba และ Keanu Reeves

ข้อเด่น: ด้วยการแชทสด คุณจะได้รับคำตอบเกือบจะในทันที ประสบการณ์ของเรากับทีมซัพพอร์ตของ Squarespace โดยรวมถือว่าดีมากเมื่อเราทำการทดสอบการสนับสนุนเป็นเวลาหลายสัปดาห์บางครั้งทีมสนับสนุนของ Squarespace ก็ใช้เวลาในการบันทึกภาพหน้าจออย่างรวดเร็ว โดยแสดงขั้นตอนอย่างละเอียดเพพื่อให้เราปฏิบัติตามได้อย่างว่ายดายที่สุด

และหากคุณใช้บล็อกเป็นหนึ่งในองค์ประกอบหลักของเว็บไซต์ Squarespace เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม เพราะมันมีคุณลักษณะการแสดงความคิดเห็นที่มีรูปแบบหลากหลาย, ฟังก์ชันผู้เขียนหลายคน, ความสามารถในการกำหนดเวลาโพสต์, การรองรับ AMP, คุณชื่อมัน สัมผัสที่ดี: คุณสามารถโฮสต์พอดคาสต์ของคุณเองบน Squarespace!

ข้อด้อย: มีความสามารถในการใช้งานบางอย่างที่ผมอยากให้ปรับปรุงอย่างเช่น แทนที่จะขอให้คุณบันทึกงานของคุณหลังจากการเปลี่ยนแปลงแต่ละครั้ง ควรบันทึกอัตโนมัติและเสนอปุ่มเลิกทำทั่วทั้งไซต์ (หรือคุณลักษณะประวัติไซต์) แทน

เหมาะสำหรับ:  Squarespace เหมาะสำหรับเว็บไซต์เล็ก ไม่เหมาะสำหรับเว็บไซต์ขนาดใหญ่ที่ต้องการลำดับชั้นของเมนูแบบลึก  สิ่งนี้ทำให้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสร้างเว็บไซต์หลายภาษาด้วย Squarespace


EDITOR X

editorx.com


Editor X เป็นเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ใหม่ที่ทรงพลังจากทีมที่อยู่เบื้องหลัง Wix ได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงนักพัฒนาเว็บและเอเจนซี่โฆษณา โดยมีฟีเจอร์พิเศษหลายอย่าง เช่น โปรแกรมแก้ไขโค้ดในตัว การสนับสนุนฐานข้อมูลที่กำหนดเอง และการแก้ไขพร้อมกันโดยสมาชิกหลายคนในทีมออกแบบ คุณลักษณะเหล่านี้อาจยอดเยี่ยม แต่ก็มีช่วงการเรียนรู้ที่สูงชัน ดังนั้นจึงไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้สร้างเว็บเป็นครั้งแรก นอกจากนี้ Editor X ยังมีราคาสูงกว่าเครื่องมือสร้างเว็บไซต์อื่นๆ ส่วนใหญ่ที่เราเคยทดสอบมา แต่ราคาก็เกินสมควรหากคุณสามารถใช้ประโยชน์จากคุณสมบัติการปรับแต่งทั้งหมดของแพลตฟอร์มได้

นอกจากนี้ยังมีราคาสูงเล็กน้อยสำหรับแผนพรีเมียม แต่ฉันคิดว่ามันคุ้มค่าจริงๆ หากคุณไม่สนใจคุณลักษณะขั้นสูง มีเครื่องมือสร้างเว็บที่เรียบง่ายกว่าที่คุณสามารถใช้ได้เสมอ

ข้อเด่น:  มีเครื่องมือแก้ไขไซต์ที่ยืดหยุ่นอย่างยิ่ง – รองรับการแก้ไขพร้อมกัน

ข้อด้อย: ใช้เวลานานในการสร้างไซต์ – ไม่สามารถเปลี่ยนเทมเพลตได้

เหมาะสำหรับ: Editor X เป็นข้อเสนอที่ค่อนข้างใหม่ แต่ไม่ใช่แค่เครื่องมือสร้างเว็บไซต์ทั่วไป ไม่ มันออกแบบมาสำหรับผู้ชมที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แทนที่จะมุ่งเป้าไปที่ผู้เริ่มต้นและธุรกิจขนาดเล็ก Editor X มุ่งเป้าไปที่นักออกแบบมืออาชีพ นักเขียนโค้ด และเอเจนซี่ที่กำลังมองหาเครื่องมือสร้างที่ทรงพลังแต่ใช้งานง่าย


ELEMENTOR

ELEMENTOR.COM


เป็นส่วนเสริม WordPress ที่น่าทึ่งพร้อมเทมเพลตและวิดเจ็ตฟรีมากมาย นั่นหมายความว่าคุณสามารถเริ่มใช้ปลั๊กอินได้โดยไม่ต้องสมัครสมาชิกรายปี

ยิ่งไปกว่านั้น ตัวสร้างเพจส่วนหน้า โปรแกรมแก้ไขสด เทมเพลตที่ออกแบบไว้ล่วงหน้า และอินเทอร์เฟซที่สะอาดตาทำให้การสร้างเพจและการสร้างเว็บไซต์เป็นเรื่องง่าย

ข้อเด่น:

  • อนุญาตให้ผู้ใช้สร้างโครงร่างและการออกแบบหน้าแบบกำหนดเองโดยไม่ต้องมีประสบการณ์ในการเขียนโค้ด
  •   สลับระหว่างมุมมองเดสก์ท็อป แท็บเล็ต และมือถือ ตลอดจนปรับแต่งองค์ประกอบทั้งหมดสำหรับอุปกรณ์ใด ๆ
  • มีแผนฟรี
  • สร้างประสบการณ์การออกแบบที่รวดเร็วและปราศจากความล่าช้า

ข้อด้อย:

  • ปลั๊กอินฟรีอาจมีข้อจำกัดสำหรับธุรกิจที่กำลังเติบโต
  • การอัปเดตข้อมูลที่มีขนาดใหญ่อาจเกิดข้อบกพร่องบางประการ
  • ใช้ได้กับเว็บไซต์ WordPress เท่านั้น
  • อาจยากสักหน่อยสำหรับผู้ที่เริ่มเรียนรู้การใช้งาน WordPress

เหมาะสำหรับ: ไม่เหมาะสำหรับผู้ใช้มือใหม่ เพราะอาจต้องให้เวลาสำหรับการเรียนรู้


SIMVOLY

SIMVOLY.COM


SIMVOLY เหมาะสมมากหากคุณกำลังออกแบบเว็บไซต์ธุรกิจแบบง่าย ๆ ที่ต้องการฟีเจอร์ต่าง ๆ เช่น บล็อก การตั้งเวลา แบบฟอร์ม ร้านค้า ฯลฯ มีการใช้งานที่ง่ายมากจนใครก็เข้าใจได้แม้จะไม่มีประสบการณ์ด้านการออกแบบหรือเขียนโค้ดก็ตาม

ข้อเด่น: ผมชอบคุณลักษณะทั้งหมดที่มาพร้อมกับ Simvoly โดยเฉพาะบล็อก แบบฟอร์ม และการตั้งเวลา ใช้งานง่ายและปรับแต่งได้ดีมาก เทมเพลตการออกแบบนั้นยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ในการออกแบบหรือสำหรับผู้ที่ต้องการตัวเลือกที่รวดเร็วกว่า แม้จะไม่มีเทมเพลต แต่ก็มีการปรับแต่งมากมายสำหรับการออกแบบที่ยอดเยี่ยม นอกจากนี้ บทช่วยสอนยังดีและรวดเร็วและให้ข้อมูลดีมาก

ข้อด้อย: การบริการลูกค้านั้นยอดเยี่ยมสำหรับการตอบคำถาม แต่ช้ามากหากคุณมีปัญหาที่แก้ไขได้ยาก อาจใช้เวลามากกว่าหนึ่งสัปดาห์กว่าพวกเขาจะตอบสนองในบางสิ่งหากไม่ใช่การแก้ไขง่าย ๆ บางครั้งอาจใช้เวลาหลายสัปดาห์ขึ้นอยู่กับว่าปัญหาคืออะไร ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ 

เหมาะสำหรับ: เหมาะกับผู้ใช้งานที่ไม่ต้องการเรียนรู้อะไรที่ซับซ้อน เพราะด้วยตัวอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายและทรงพลัง


สรุป

การสร้างบล็อกหรือเริ่มเขียนบล็อกเป็นกระบวนการที่สามารถทำได้จากแพลตฟอร์มที่หลากหลาย อาจเป็นเว็บไซต์สร้างบล็อกที่มีอินเทอร์เฟซใช้งานง่าย หรือแพลตฟอร์มการเขียนบล็อกที่ต้องติดตั้งบนเซิร์ฟเวอร์ส่วนตัวเพื่อความเสถียรและความสามารถที่กว้างขึ้น สิ่งสำคัญที่สุดในการสร้างบล็อกคือแนวคิดที่เหมาะสมและเป้าหมายที่ชัดเจน เพื่อให้บล็อกมีความสมดุลและตอบสนองต่อความต้องการของผู้อ่านหรือผู้ติดตามได้อย่างเหมาะสม แนวคิดที่ดีจะช่วยให้เนื้อหาในบล็อกมีความสอดคล้องและเป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ นอกจากนี้ การสร้างบล็อกยังไม่ควรมีความเร่งรีบเกินไป เพราะบล็อกที่มีการสร้างด้วยความพยายามและความอดทนในระยะเวลาที่เหมาะสมจะมีโอกาสให้ผลลัพธ์ที่ดีและมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น การใช้เวลาประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปีในการสร้างบล็อกจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ นอกจากนี้ เพื่อคงความน่าสนใจและความเข้ากันได้กับผู้อ่าน ควรมีการอัปเดตบทความในบล็อกอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความประทับใจ

แนะนำ: 12 บล็อกหาเงินให้กับคุณแม่สายแข็ง

Ebooks เพื่อนักสร้างบล็อกมืออาชีพ >> สนใจคลิ๊ก



Leave a Comment