9 blog ฟรียอดนิยม เพื่อการสร้างบล็อก เขียนบล็อก อย่างมีประสิทธิภาพ
ท่านนักเขียนบล็อกหลาย ๆ ท่านคงเคยผ่านประสบการณ์ในการเขียนบทความ หรือเขียนบล็อกมาไม่มากก็น้อย ผมก็เป็นคนหนึ่งเช่นกัน แต่ก็มีนักเขียนบางท่านที่อาจจะไม่รู้หรือใหม่ต่อการเขียนบล็อก
ในบทความนี้ผมจะมาแนะนำบล็อกยอดนิยมทั้ง 9 แห่งที่เปิดให้ใช้งานฟรี บล็อกฟรีนั้นถึงแม้จะมีข้อจำกัดอยู่บ้างก็จริง แต่ถ้าเราใช้งานให้ถูกวัตถุประสงค์ก็สามารถที่จะใช้งานได้เทียบเท่าบล็อกเสียตังค์(self-hosted)เลยทีเดียว และนี่เป็นบล็อกต่าง ๆ ทั้ง 9 รวมถึงลักษณะการใช้งานให้เหมาะกับวัตถุประสงค์ต่าง ๆ
- 1. Maggang ( blog ฟรีที่นิยม เขียนเพื่อหารายได้ )
- 2. Storylog ( blog ฟรีสุดฮิต สำหรับคนขี้เหงาชอบเล่าเรื่อง )
- 3. WordPress ( blog ฟรียอดนิยม มากที่สุด )
- 4. Medium ( บล็อกฟรี แบบมีระดับ )
- 5. Blogger ( blog ฟรี อายุไม่ใช่น้อยจาก google )
- 6. Blockdit ( app บล็อกฟรี มาแรงแซงทางโค้ง )
- 7. Wix ( เรียบง่ายแบบไม่ธรรมดา )
- 8. Tumblr ( สนุกสนานกันได้ทุกหัวข้อ )
- 9. Facebook ( ฟรีบางอย่าง แต่ยังเป็นอมตะนิรันด์กาล )
- สรุป
1. Maggang ( blog ฟรีที่นิยม เขียนเพื่อหารายได้ )
การสร้างบล็อก สำหรับทุกสาขาอาชีพ : คู่มือฉบับสมบูรณ์

maggang.com
บล็อกแจกฟรีที่ชื่อว่า Maggang นี้เป็นตัวหนึ่งที่ประทับใจผมเลยทีเดียว ในแง่ของหน้าตารูปลักษณ์ที่มีความโดดเด่นไม่น้อย การใช้งานก็ง่ายดายแค่สมัครด้วย email หลังจากยืนยันตัวตนแล้วท่านก็จะได้เป็นเจ้าของบัญชีที่สามารถเปิดบล็อกเพื่อเขียนเนื้อหาได้ทันที
Maggang นั้นเป็นเว็บในเครือ Pantip.com และทำออกมาได้สมกับเป็นเว็บบอร์ดแนวหน้าของเมืองไทยจริง ๆ
ข้อเด่น: ของ Maggang นั้นคือเป็นบล็อกที่มีความเป็น variety คือสามารถนำเสนองานได้ในทุกๆแนวไม่จำกัด ส่วนข้อดีอีกข้อก็คือมีช่องทางการหารายได้ที่ชัดเจน ทั้งส่วนที่แบ่งให้กับ Maggang กับส่วนของนักเขียน
ข้อด้อย: นั้นก็อาจจะเป็นในส่วนของการตกแต่งบล็อกซึ่งยังไม่มีฟังก์ชั่นให้เลือกมากเท่าไร
เหมาะสำหรับ: นักเขียนบล็อกที่ไม่ชอบการตั้งค่าอะไรที่วุ่นวาย โดยในส่วนของ Maggang ก็จะมีการทำ SEO ให้อัตโนมัติอยู่แล้ว
2. Storylog ( blog ฟรีสุดฮิต สำหรับคนขี้เหงาชอบเล่าเรื่อง )

storylog.co
ลักษณะของบล็อก Storylog เปรียบเทียบก็เหมือน Diary Online เพราะชื่อบล็อกก็บ่งบอกอยู่แล้ว เป็นอีกแพล็ตฟอร์มหนึ่งที่มีหน้าตาสีสันสุภาพ มีการใช้งานที่น่าสนใจ
ข้อเด่น: Storylog มีความเรียบง่ายน่าใช้เหมาะสำหรับเขียนบรรยายความรู้สึก หรือประสบการณ์ในชีวิตประจำวัน ข้อเด่นอีกอย่างก็คือเป็นแพล็ตฟอร์มของคนไทยที่มีผู้ใช้งานหลายหมื่นคน
ข้อด้อย: ไม่มีฟีเจอร์สำหรับผู้ที่ต้องการเขียนเพื่อสร้างรายได้ และสีสันจะดูจืดไปสักหน่อย
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ไม่อยากวุ่นวายกับการสร้างบล็อกอย่าง Blogger หรือ WordPress หรือผู้ที่อยากเขียนเล่าประสบการณ์แบบง่าย ๆ ไม่เหมาะสำหรับ blogger ที่ต้องการสร้างรายได้อย่างจริงจัง
3. WordPress ( blog ฟรียอดนิยม มากที่สุด )

wordpress.com
WordPress.com เป็น blog ฟรีที่นิยม แพล็ตฟอร์มแรก ๆ ที่เกิดมาในเวลาไล่เลี่ยกับ Blogger.com ลักษณะหน้าตานั้นสวยงามสะอาดตา ส่วนการตั้งค่าปรับแต่งนั้นค่อนข้างยาก หากเป็นผู้ที่ไม่คุ้นเคยอาจถึงขั้นหงุดหงิดได้เลยที่เดียว
ข้อเด่น: ของ WordPress นั้นคือสามารถจดโดเมนของตัวเองได้ หรือยิ่งกว่านั้นถ้าอยากได้เว็บมืออาชีพแบบเต็มสูบ ท่านก็สามารถเช่าโฮสและใช้บริการ WordPress.org ที่มีปลั๊กอินฟรีให้เลือกมหาศาล ข้อดีอีกข้อนั้นคือ WordPress นั้นเป็นบล็อกแบบ CMS จึงสามารถทำอันดับใน google ได้เป็นอย่างดี
ข้อด้อย: ก็คือการตั้งค่าต่าง ๆ ค่อนข้างยุ่งยากพอสมควร
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่เขียนบล็อกมาระยะหนึ่ง เข้าใจองค์ประกอบการตั้งค่าต่างๆพอสมควร แต่ไม่เหมาะกับบล็อกเกอร์มือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้น
7 เคล็ดลับเขียน blog ยังไงให้น่าสนใจ
4. Medium ( บล็อกฟรี แบบมีระดับ )

medium.com
เป็น app เขียนบล็อกจากต่างประเทศที่มีคนนิยมใช้กันทั่วไลก Medium เป็น app ที่ดูเป็นมืออาชีพ สามารถเขียนและแชร์เรื่องราวได้ในรูปแบบบทความ หรือเป็นซีรี่ย์ Medium นั้นเปิดให้ใช้บริการทั้งแบบฟรีและแบบเสียค่าสมาชิกรายเดือนประมาณ 170 กว่าบาท
ข้อเด่น: สวยงาม ใช้งานง่าย เป็นชุมชนที่ใหญ่ มีข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์มากมาย
ข้อด้อย: ต้องเสียค่าสมาชิกเพื่อเขาถึงฟีเจอร์บางอย่างเช่น การอ่านบทความแบบไม่จำกัด หรือการได้เห็นฟีเจอร์ใหม่ ๆ ก่อน
เหมาะสำหรับ: เหมาะกับใครก็ได้ที่อยากบล็อก ถ้าไม่ติดใจที่ต้องเสียค่าสมาชิกเล็กน้อย เพื่อความเป็นมืออาชีพ
เขียนบล็อกกับ Medium สร้างตัวตน/แบรนด์ ผ่านเว็บไซต์ระดับโลก
5. Blogger ( blog ฟรี อายุไม่ใช่น้อยจาก google )

blogger.com
บล็อกเกอร์เป็น blog ฟรีที่นิยม ที่มี google เป็นเจ้าของ เป็นแพล็ตฟอร์มแรก ๆ ที่เกิดขึ้นมาไล่เลี่ยกับ WordPress และก็ต่อสู้กันมาตลอดว่าใครดีใครอยู่เลยทีเดียว
ข้อเด่น: คือมีธีมสวย ๆ ให้เลือกมากมาย การตั้งค่านั้นก็ค่อนข้างง่ายเลยทีเดียว และการใช้งานก็ง่ายดายไม่ซับซ้อน
ข้อด้อย: ก็คือ Feature ที่ไม่ได้มีให้เลือกมากมายนัก ปรับแต่งไม่ไดดังใจเท่าไหร่หากต้องการสร้างบล็อกแบบเต็มรูปแบบโดยเฉพาะแบบ ecommerce
เหมาะสำหรับ: ท่านที่ชอบเขียน diary ออนไลน์หรือทดลองโครงการอะไรบางอย่าง แต่ไม่เหมาะกับมืออาชีพที่ต้องการปรับแต่งโครงสร้างได้อย่างเต็มที่
6. Blockdit ( app บล็อกฟรี มาแรงแซงทางโค้ง )

blockdit.com
Blockdit เป็นอีกแพล็ตฟอร์มหนึ่งของคนไทยที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว มีอินเตอร์เฟซที่สวยงามน่าใช้ มีเอกลักษณ์แปลกตาไม่เหมือนใคร
ข้อเด่น: นักเขียนสามารถหารายได้จากบล็อกที่มีผู้ติดตามถึง 1,000 คนขึ้นไป ข้อเด่นอีกประการก็คือข้อความแต่ละบรรทัดมีลักษณะเป็นบล็อกคล้ายคนกำลังสนทนากัน ซึ่งดูแปลกตาน่าสนใจมาก
ข้อด้อย: เนื่องจากเป็นแพล็ตฟอร์มที่สร้างขึ้นมาทำงานบน app มือถือ ดังนั้นหากเปิดบนเบราเซอร์ก็จะไม่ได้ฟีเจอร์ที่ครบถ้วน
เหมาะสำหรับ: ผู้เริ่มต้นหรือกระทั่งบล็อกเกอร์มืออาชีพ เพราะมีผู้ติดตามเป็นตัวคอยวัดคุณภาพของเนื้อหา ที่จะนำมาซึ่งการสร้างรายได้หรือไม่
7. Wix ( เรียบง่ายแบบไม่ธรรมดา )

wix.com
เป็นแพล็ตฟอร์มระดับโลกที่โด่งดังมาหลายปีแล้ว มี Package ฟรีและจ่ายเงินเพื่อลูกเล่นที่เพิ่มมากขึ้น wix เป็นแพล็ตฟอร์มที่สามารถจัดการได้ง่าย สำหรับผู้ที่ชอบเว็บที่ดูดี สวยงาม สะอาดตา โดยสามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้อย่างสะดวก ไม่ได้มีขั้นตอนอะไรซับซ้อนมากนัก
ข้อเด่น: ข้อดีของ Wix ที่เห็นชัดๆก็คือความสวยงาม ดูดี โดยมี theme สำเร็จรูปสำหรับสร้างเว็บไซท์ในกมวดหมู่ต่าง ๆ อย่างครอบคลุม Wix ยังสามารถจด Domain ของตัวเองได้ด้วย หรือถ้าอัพเกรดเป็น premium ก็จะมีพื้นที่จัดเก็บหรือ Theme ที่เพิ่มมากขึ้น
ข้อด้อย: การปรับแต่งสะดวกสบายก็จริง แต่ก็อยู่ในขอบเขตของการใช้งานระดับปกติ ยังไม่ใช่ระดับสูง
เหมาะสำหรับ: บล็อกที่เน้นความสวยงาม ความลื่นไหลในการเปิดหน้าเพจประเภท ร้านค้า ecommerce, บล็อกแนว fashion หรือถ้าอยากทำแบบมืออาชีพก็สมัครแพลน Premium ที่มีราคาต่อเดือนเพียง 400 บาท
8. Tumblr ( สนุกสนานกันได้ทุกหัวข้อ )

tumblr.com
Tumblr อ่านว่า ทัมเบล่อร์ มีลักษณะเป็น ‘micro blog’ ที่คล้าย twitter ผสมกับ wordpress โดยแพล็ตฟอร์มนี้นั้นสามารถรีบล็อกได้ อีกทั้งยังสามารถโพสต์ภาพเคลื่อนไหวหรือวีดีโอได้เป็นอย่างดี เพิ่มเติม
ข้อเด่น: มีเครื่องไม้เครื่องมือที่ใช้ง่าย ดูไม่รกรุงรัง และด้วยความที่เป็นไมโครบล็อก content ต่างๆจึงดูกะทัดรัด มีเอกลักษณ์น่าติดตาม
ข้อด้อย: เนื่องจากเป็นลักษณะ micro blog สำหรับผู้ที่ชอบธีมแบบอลังการก็อาจจะไม่ถูกใจนัก
เหมาะสำหรับ: บทความที่มีภาพประกอบที่สะดุดตา หรือภาพเคลื่อนไหวแบบ Gif ที่จะช่วยให้บทความดูน่าสนใจขึ้นอีกมาก
9. Facebook ( ฟรีบางอย่าง แต่ยังเป็นอมตะนิรันด์กาล )

facebook.com
สำหรับการเขียนเนื้อหาลงใน Facebook ก็เป็นสิ่งคุ้นเคยสำหรับคนส่วนมากอยู่แล้ว ซึ่งการใช้ Facebook สำหรับสร้างสรรค์เนื้อหานั้นมีข้อเด่นข้อด้อยอย่างไร เรามาดูกันครับ
ข้อเด่น: ที่เห็นชัดๆเลยอย่างแรกก็คือ ความง่ายในการใช้งาน Facebook นั้นสามารถใช้ได้ดีทั้งบน app และ บน brouser ที่ไม่ใช่ทุกแบรนด์จะสามารถทำงานได้อย่างดีบนทั้งสองแพลตฟอร์ม ข้อเด่นประการต่อมาก็คือความสะดวกในการแชร์ เนื่องจาก Facebook ได้รับความนิยมทั้งโลก ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายดายที่จะหาปุ่มแชร์ได้จากทุกหนทุกแห่ง
ข้อด้อย: ความที่เฟซบุ๊กมีคนใช้เป็นร้อยล้านดังนั้นบางครั้งจึงเกิดอาการ Lag หรือ ล่มบ่อย ๆ อีกประการก็คือความสามารถในการเข้าถึงเนื้อหาของผู้ติดตามได้ถูกปรับลดลงเหลือไม่ถึง 1% เพื่อเหลือที่ไว้ให้กับผู้เสียเงินลงโฆษณา
เหมาะสำหรับ: การเขียนบทความแบบแค็ปชั่น หรือแชร์บทความมาจากที่อื่น จะมีประสิทธิภาพมากที่สุดก็ต่อเมื่อเสียเงินบูสท์โพสต์เป็นครั้งคราว
สรุป
การสร้างบล็อก หรือเริ่มเขียนบล็อกจากแพล็ตฟอร์มไหนก็ตามที สิ่งสำคัญคือแนวคิดที่เหมาะสมรวมถึงเป้าหมายที่แน่ชัด ซึ่งจะช่วยในเรื่องการนำเสนอเนื้อหาได้อย่างเหมาะสมต่อเนื่อง อีกอย่างการสร้างบล็อกนั้นไม่ควรหวังผลเร็วเกินไป อย่างต่ำก็ให้มีระยะเวลา 6 เดือนถึง 1 ปี และก็ต้องมีบทความดี ๆ คอยอัปเดตอย่างสม่ำเสมอ
แนะนำ: 12 บล็อกหาเงินให้กับคุณแม่สายแข็ง